Stock

อัปเกรดคำแนะนำ ‘CPALL’ รับโอกาสเงินดิจิทัลวอลเล็ต

อัปเกรดคำแนะนำ “ซีพี ออลล์” รับโอกาสเงินดิจิทัล คาดช่วยดันยอดขายเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันได้รับประโยชน์ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ย

โดนปรับคำแนะนำลงทุนขึ้นทันทีสำหรับหุ้น CPALL หรือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดําเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังมีการขยายสาขาไปในประเทศกัมพูชาและลาว ปัจจุบันมีมากกว่า 14,000 สาขา รวมทั้งยังมีการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง Marko และ Lotus’s

หลังจากล่าสุดนักวิเคราะห์คาดว่า CPALL จะเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด จากความคืบหน้าของโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท แม้ว่ารายละเอียดของโครงการ ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงขั้นสุดท้ายก็ตาม

แต่มุมมองของบทวิเคราะห์ บล. ทิสโก้ คงเชื่อมั่นว่าหากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้รับการอนุมัติ CPALL จะเห็นการพุ่งขึ้นของยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) และอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 อย่างแน่นอน

ซีพี ออลล์

“ซีพี ออลล์” รับโอกาสเงินดิจิทัล

เพื่อสะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าว ฝ่ายวิจัย บล. ทิสโก้ จึงได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ของ CPALL ขึ้น 5-15% พร้อมเลือกเป็นหุ้นแนะนำหลัก โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 77 บาทต่อหุ้น เนื่องจากการมีคู่แข่งจำกัด ขณะเดียวกันก็ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

ขณะที่คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2567 ของ CPALL ประเมินอยู่ที่ 5,060 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน (YoY) แต่ลดลง 8% จากไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ) มองผลประกอบการธุรกิจค้าปลีกที่แข็งแกร่ง ประกอบกับตัวเลขที่แข็งแกร่งของ CPAXT จะช่วยผลักดันกำไรให้บริษัท โดยคาดว่า SSSG ในไตรมาส 1/2567 จะอยู่ที่ 3.5% ใกล้เคียงกับระดับในช่วงครึ่งหลังของปี 2566  ยังไม่ค่อยสูงเท่าไหร่

อย่างไรก็ตาม โอกาสของ CPALL จะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากได้รับการปรับปรุง ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท คาดว่าจะทำให้ภาพรวม SSSG ในปี 2567 จะดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะได้รับการสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ที่คาดว่าช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ตัวเลข SSSG ของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ CPALL เติบโตประมาณ 3.5% เพิ่มขึ้นตามจํานวนท่องเที่ยวซึ่งหนุนตัวเลขผู้เข้ามาใช้บริการร้าน 7-eleven มากขึ้น

สำหรับแนวโน้มระยะสั้นยังคาดเติบโตได้ทั้ง 3 ธุรกิจ หากกําไรปกติไตรมาส 1 ปี 2567 เป็นไปตามคาดที่ 4,860 ล้านบาท จะคิดเป็น 23% ของกําไรปกติปี 2567 ที่ระดับ 21,000 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น  16% เมื่อเทียบกับปี 2566

ซีพี ออลล์

บล. ฟินันเซีย ไซรัส คงคําแนะนํา “ซื้อ” CPALL ราคาเป้าหมาย 77 บาทต่อหุ้น โดยเลือกเป็น Top pick ของกลุ่ม เนื่องจากทั้งแนวโน้มระยะสั้นและระยะกลางในปีนี้ จะยังเติบโตตามการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงมีการเติบโตของโมเดลธุรกิจ O2O นอกจากนี้ Valuation ของหุ้นยังอยู่ในระดับน่าสนใจ ปัจจุบันเทรดบน 2567 PE ที่ 24 เท่าเท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ -2S.D.

ขณะที่มุมมองในระยะยาวก็เชื่อว่า CPALL จะได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นกําลังซื้อในประเทศของรัฐบาลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนั้นคาดการณ์กําไรปกติปี 2567-2569 เติบโตเฉลี่ย 15% CAGR (อัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น: Compound Annual Growth Rate)

ทั้งนี้ ขอปิดท้ายด้วยข้อมูลการลงทุนหุ้น CPALL ที่น่าสนใจ โดยราคาล่าสุด ณ วันที่ 11 เมษายน 2567 อยู่ที่ 57 บาทต่อหุ้น มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเท่ากับ 512,036.78 ล้านบาท P/E ที่ 27.70 เท่า ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 30.8 เท่า นอกจากนี้ ปัจจุบันการถือครองหุ้นของต่างชาติรวมอยู่ที่ 38% ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 และต่ำสุดในรอบ 7 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมองเป็นไปได้ทั้งโอกาส และความเสี่ยง

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน