ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (4 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงลง 530.16 จุด หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐหลายคน ออกมาส่งสัญญาณว่า ไม่ควรเร่งลดดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มตลาดแรงงาน และทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,596.98 จุด ลดลง 530.16 จุด หรือ -1.35% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 5,147.21 จุด ลดลง 64.28 จุด หรือ -1.23% และดัชนี แนสแด็กปิดที่ 16,049.08 จุด ลดลง 228.38 จุด หรือ -1.40%
ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีร่วงลงกว่า 1% ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุด นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566
นายนีล แคชแครี ประธานเฟด สาขามินนีแอโพลิสได้แสดงความเห็นล่าสุดว่า การลดดอกเบี้ยอาจจะไม่เกิดขึ้นในปีนี้ หากเงินเฟ้อของสหรัฐไม่ชะลอตัวลงตามที่เฟดคาดหวังไว้ และว่า ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของที่ประชุมเฟดเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา เขาเป็นหนึ่งในกรรมการเฟด ที่คาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ แต่ขณะนี้เขามองว่า หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง การลดดอกเบี้ยในปีนี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น
ขณะที่นายโทมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ กล่าวสนับสนุนให้เฟดใช้เวลามากขึ้น ในการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจก่อนที่จะตัดสินใจลดดอกเบี้ย โดยเขามองว่า การที่เศรษฐกิจมหภาค และตลาดแรงงานของสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากในขณะนี้ ทำให้เฟดจำเป็นต้องจับตาทิศทางเงินเฟ้ออย่างระมัดระวัง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน จะยิ่งทำให้เงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น โดยขณะนี้ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นทะลุระดับ 86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบ อาจทำให้เฟดเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้นในการลดดอกเบี้ยในปีนี้ พร้อมคาดว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นต่อเนื่องจนถึงฤดูการขับขี่ยานยนต์ในช่วงฤดูร้อนของสหรัฐ และคาดว่าตลาดทั่วโลกจะเผชิญกับภาวะขาดแคลนน้ำมันดิบในปริมาณ 450,000 บาร์เรลต่อวัน
หุ้นทุกกลุ่มที่คำนวณในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.7% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวลง 0.9% และ 0.6% ตามลำดับ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘แบงก์ชาติสหรัฐ’ คงดอกเบี้ยตามคาด ส่งสัญญาณ ‘ลดดอกเบี้ย’ 3 ครั้ง ปี 67
- ‘แบงก์ชาติญี่ปุ่น’ ยุตินโยบายดอกเบี้ยติดลบ ขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกรอบ 17 ปี
- แบงก์รัฐจีนเทขายดอลลาร์ สกัด ‘เงินหยวน’ อ่อนค่าทะลุ 7.2 หยวน หลังแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่
ติดตามเราได้ที่
เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg