Stock

นักลงทุนกังวลอะไรใน ‘BTS’ ราคาร่วงต่ำสุดรอบ 11 ปี

ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้วจนถึงวันนี้ ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น BTS หรือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ปรับตัวลดลงรุนแรงกว่า -10% โดยเฉพาะวันอังคารที่ 30 มกราคมเพียงวันเดียว ราคาหุ้นลดลงลึก -9.02% มูลค่าหายไปกว่า 8,000 ล้านบาท และนับเป็นการทำ New Low ในรอบ 11 ปีเลยทีเดียว

คำถามคือประเด็นอะไรที่กดดันราคาหุ้น BTS นักลงทุนกำลังกังวลเรื่องไหน บทความนี้จะมาไล่เรียงทีละประเด็น พร้อมฉายภาพสิ่งที่ตลาดมองเห็น ให้ทุกคนดูกันทีละข้อ

BTS

ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 (งวดเดือนต.ค.-ธ.ค. 2566) มีโอกาสสูงที่จะไม่เข้าเป้า

โดยคาดว่าบริษัทจะรายงานงบการเงินประมาณวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งมีแนวโน้มออกมาอ่อนแอจากผลขาดทุนการดำเนินงานของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการไปเมื่อเดือนธันวาคม 2566

ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวก็ดูจะไม่เพียงพอที่จะชดเชยกับขาดทุนดังกล่าว

การด้อยค่าการลงทุนใน JMART SINGER KEX

BTS ได้เข้าไปถือหุ้นบริษัทอื่น ๆ ที่ไม่ได้ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจรถไฟฟ้าโดยตรงอีกมากมาย แต่ปัญหาที่น่ากังวลในตอนนี้คือ บริษัทจะมีการรับรู้การตั้งด้อยค่าของการลงทุนใน  JMART, SINGER และ KEX เพราะราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวลงไปมาก ทำให้ BTS อาจรับรู้ผลขาดทุนจากเงินลงทุนเข้ามาหรือไม่

ประเด็นดังกล่าวเคยมีนักลงทุนสอบถามบริษัทเข้าไปแล้ว แต่บริษัทให้คำตอบว่ากำลังอยู่ระหว่างการศึกษา นี่จึงเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกมาตั้งข้อสงสัยอีกครั้ง

ความไม่แน่นอนของธุรกิจในระยะยาว 

โดยเฉพาะประเด็นการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะสิ้นสุดในปี 2572 ซึ่งหากไม่สามารถต่อสัญญาได้ จะต้องติดตามโครงสร้างสัมปทานใหม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด หากเป็นเพียงสัญญาการจ้างเดินรถ จะมีโอกาสทำให้ BTS ได้รับผลตอบแทนลดลงจากปัจจุบัน

มีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระภายในปี 2567 รวมมูลค่ากว่า 1.27 หมื่นล้านบาท 

ถือเป็นเม็ดเงินที่สูงและมีความยากในการระดมทุนเพื่อชำระคืนหุ้นกู้ชุดเดิมให้ครบ จากปัจจุบันความน่าสนใจในหุ้นกู้ของ BTS ลดลง ตามความไม่แน่นอนของธุรกิจ และราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง

BTS

การได้รับเงินคืนหนี้จำนวน 2.3 หมื่นล้านบาทจากกรุงเทพมหานคร ยังไม่ใช่ประเด็นบวกทันที

แม้จะช่วยให้ BTS สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับดอกเบี้ยได้ 900 ล้านบาทต่อปี (สมมุติฐานต้นทุนทางการเงิน 4%) แต่ BTS ยังคงสูญเสียรายได้ทางดอกเบี้ยกว่า 1.2 พันล้านบาทต่อปี เพราะ BTS เรียกเก็บรายได้ค้างรับจาก BMA 5% ดังนั้น ผลกระทบสุทธิจึงยังเป็นติดลบกว่าราว 200 ล้านบาทต่อปี

ทั้งหมดนี้ถือเป็นประเด็นความเสี่ยงที่ทำให้ราคาหุ้น BTS เคลื่อนไหวในแนวลบเช่นนี้ ซึ่งยังไม่รวมถึงสาเหตุของปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ ที่ส่งผลให้ความต้องการใช้รถไฟฟ้าลดลง

อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว BTS ยังมีปัจจัยบวกหนุนอยู่ เช่น การเติบโตของธุรกิจขนส่งมวลชน การขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ และฐานะการเงินที่ยังไม่ได้แย่

ทั้งนี้ BTS เป็นบริษัทขนส่งมวลชนรายใหญ่ของประเทศไทย ให้บริการรถไฟฟ้าสายหลัก 2 สาย ได้แก่ สายสีเขียวอ่อน และสีเขียวเข้ม รวมถึงรถไฟฟ้าสายรอง 3 สาย ได้แก่ สายสีทอง สายสีชมพู และสายสีเหลือง นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจอาหาร 

BTS

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน