Stock

‘จิตตะ เวลธ์’ เปิดกลยุทธ์ลงทุนปี 67 แนะโฟกัสหุ้น ‘สหรัฐ-จีน-เวียดนาม’ รับตลาดฟื้น

“จิตตะ เวลธ์” มองปี 2567 โอกาสในตลาดหุ้นโลกยังมี หลังเฟดจ่อลดดอกเบี้ย แนะจัดพอร์ตลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่รับได้ โฟกัสหุ้น “สหรัฐ-จีน-เวียดนาม” รับตลาดฟื้น

นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด หรือ Jitta Wealth เปิดเผยว่า ปี 2566 ภาพรวมการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เผชิญแรงกดดันจากหลากหลายปัจจัย แต่หลายตลาดก็ยังสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยดัชนี S&P500 ปรับเพิ่มขึ้น 24.73% ฟื้นตัวจากปีก่อนหน้า ที่ได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จึงส่งผลดีต่อกองทุน Jitta Ranking หุ้นสหรัฐในปี 2566 ให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีไปด้วย โดยผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking หุ้นสหรัฐ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม -31 ธันวาคม 2566 สูงถึง 44.25% พิสูจน์ได้ถึงการทำงานของอัลกอริทึมของ Jitta Wealth และการลงทุนในช่วงวิกฤติ จะให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นตามมา

จิตตะ เวลธ์

โดยในปี 2565 ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาด้วยความกังวล เป็นโอกาสที่ AI ของ Jitta Wealth สามารถเข้าไปเก็บหุ้นดีราคาถูกได้จำนวนมาก และเมื่อตลาดฟื้นตัวในปี 2566 จึงเห็นว่าผลตอบแทนกลับมาเติบโตเหนือกว่าดัชนี ส่วนกองทุนประเภท Thematic ที่ลงทุนตามเทรนด์แห่งโลกอนาคต ก็สร้างผลตอบแทนได้ดีในปีที่ผ่านมา โดย Thematic Optimize สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 15.27% และ Thematic DIY สร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 9.28% ขณะที่กองทุนที่มีการกระจายสินทรัพย์การลงทุนทั่วโลกอย่าง Global ETF แผนเติบโตก็สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ถึง 15.37%

สำหรับมุมมองการลงทุนในปี 2567 นี้ นายตราวุทธิ์ กล่าวว่า Jitta Wealth ยังมีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นโลกที่สามารถสร้างผลงานได้ดีในปีที่ผ่านมา และน่าจะต่อเนื่องได้ในปีนี้ แม้ว่าการที่เฟดส่งสัญญาณที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่เศรษฐกิจสหรัฐที่เผชิญแรงกดดันจากดอกเบี้ยที่สูงมานาน 18 เดือน ตั้งแต่ช่วงมีนาคม 2565 ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ถูกคงไว้ในระดับสูงเป็นเวลานาน (Higher for longer) อาจจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ Mild Recession ได้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปีที่ผ่านมา ดังนั้นปีนี้จะมีโอกาสที่จะปรับขึ้นมากกว่า

ขณะเดียวกันแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด จะทำให้เม็ดเงินลงทุนโยกย้ายจากสินทรัพย์ปลอดภัยมาสู่สินทรัพย์ที่เสี่ยงสูงขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นจะกลับมาน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) อย่างไรก็ตาม แม้ดอกเบี้ยจะเข้าสู่ขาลง แต่การลงทุนในตราสารหนี้ ก็ยังให้ผลตอบแทนที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากนัก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่สูง

จิตตะ เวลธ์

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในปี 2567 นี้ Jitta Wealth ยังคงแนะนำให้จัดพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับทิศทางตลาด และความเสี่ยงที่รับได้ โดยนักลงทุนที่รับความผันผวนได้สูงและคาดหวังผลตอบแทนที่สูง ในระยะ 1-3 ปีข้างหน้า สามารถเลือกลงทุนใน Jitta Ranking ประเทศจีน และเวียดนาม ที่ตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงมามากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ และมีโอกาสปรับเข้าสู่ขาขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้ สอดคล้องกับหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (VI) ที่เน้นการเลือกลงทุนในหุ้นดีราคาถูก ซึ่ง AI ของ Jitta Wealth มีการคัดเลือกหุ้นคุณภาพดีราคาเหมาะสมไว้อยู่แล้ว หากดัชนีตลาดยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนักจะยิ่งเป็นโอกาสในการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนที่สูงในอนาคต

ในการลงทุนระยะยาว Jitta Wealth พิสูจน์มาแล้วว่า หากลงทุนในช่วงวิกฤติจะสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่า 2 เท่า เหมือน Jitta Ranking หุ้นสหรัฐในปีที่ผ่านมา ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นที่กำลังกลับมาเป็นขาขึ้นอย่างจีน และเวียดนามในเวลานี้ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่สุด

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต สามารถลงทุนในกองทุน Thematic DIY หรือ Thematic Optimize ที่ในปีนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะยังเห็นการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีขนาดเล็ก ส่วนนักลงทุนที่รับความผันผวนได้น้อย ต้องการให้พอร์ตเติบโตไปได้เรื่อย ๆ แบบไร้กังวล ควรเลือกลงทุนแบบกระจายสินทรัพย์ทั่วโลกผ่าน Global ETF แต่หากเป็นนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่แน่นอน จากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับสูงในปีนี้ สามารถเลือกลงทุนในกองทุนตลาดเงินอย่าง Jitta Money ได้

จิตตะ เวลธ์

นอกจากนี้ ในจังหวะที่ตลาดผันผวนมากอย่างปีที่ผ่านมา ยิ่งพิสูจน์ได้ถึงกลยุทธ์การลงทุนแบบถัวเฉลี่ย หรือ DCA ที่ช่วยรับมือความผันผวนได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ ลูกค้าที่ลงทุนใน Jitta Ranking หุ้นสหรัฐ และมีการ DCA อย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมาพบว่ามีผลตอบแทนสูงถึง 52.07% จากค่าเฉลี่ยของพอร์ตที่ 44.25%

เช่นเดียวกับกองทุน Thematic Optimize ที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยระหว่างวันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2566 ที่ 15.27% แต่หากลูกค้าที่ใช้กลยุทธ์ DCA จะได้รับผลตอบแทนถึง 37.42% ส่วนกองทุน Thematic DIY สร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 9.28% แต่ลูกค้าที่มีการ DCA สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 35.90% ทีเดียว พิสูจน์ว่ากลยุทธ์ DCA ที่ช่วยรับมือการลงทุนที่มีความผันผวนได้ดีเพราะการลงทุนอย่างต่อเนื่อง จะยิ่งทำให้พอร์ตไม่ผันผวน และสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าตลาดการลงทุนทั่วโลกมีความผันผวนสูง Jitta Wealth อาจควบคุมปัจจัยภายนอกไม่ได้ แต่สิ่งที่ควบคุมได้คือการเลือกสินทรัพย์ที่ดีและ DCA ไปเรื่อย ๆ สม่ำเสมอ อย่างมีวินัย ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง กลยุทธ์ DCA จะช่วยรับมือความผันผวนได้ดี ดังนั้น แม้จะเผชิญกับช่วงที่ตลาดขาลงรุนแรง และพอร์ตลงทุนติดลบ การรักษาวินัยในการ DCA จะช่วยให้เราข้ามผ่านวิกฤติไปได้ และเมื่อเติมเงินเข้าไปจนระยะหนึ่งพอร์ตก็จะเริ่มไม่ติดลบ แม้ตลาดยังลบอยู่ก็ตาม ขณะเดียวกันเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้น Jitta Wealth ยังได้ผลตอบแทนทบต้นไปเรื่อย ๆ อีกด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK