Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดร่วง 284.85 จุด เจอเทขายทำกำไร ไม่มั่นใจ ‘ดอกเบี้ยเฟด’

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (3 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วง 284.85 จุด เหตุนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปีที่แล้ว ทั้งยังถูกกดดันจากการที่รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ ไม่ช่วยสร้างความเชื่อมั่น เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,430.19 จุด ลดลง 284.85 จุด หรือ -0.76% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,704.81 จุด ลดลง 38.02 จุด หรือ -0.80% และดัชนี แนสแด็กปิดที่ 14,592.21 จุด ลดลง 173.73 จุด หรือ -1.18%

ดาวโจนส์

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินประจำวันที่ 12-13 ธันวาคม 2566 ที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจมากขึ้นว่า เงินเฟ้อของสหรัฐอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ และความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะกลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้น เริ่มมีน้อยลง

ขณะเดียวกัน เฟดมีความกังวลมากขึ้น เกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินมากเกินไป ทั้งยังคาดการณ์ว่า อาจจะลดดอกเบี้ยในปี 2567 แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า จะเกิดขึ้นเมื่อใด

นักวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาดต้องการความชัดเจนว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยเมื่อใด และลดลงมากเพียงใด แต่ไม่ได้พูดถึงในรายงานการประชุมครั้งนี้ ซึ่งการส่งสัญญาณที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ทำให้นักลงทุนวิตกกังวล และเทขายหุ้นออกมา

ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ตลาดร่วงลง เกิดจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 และจากการที่นักลงทุนปรับโพสิชั่นในช่วงปีใหม่

นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น เมื่อนายโทมัส บาร์กิน ประธานเฟด สาขาริชมอนด์ ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเขากล่าวว่าเฟดยังคงมีทางเลือกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะแม้ว่าเฟดมีความคืบหน้าในการชะลอเงินเฟ้อ แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่ว่าภารกิจของเฟดในการสกัดเงินเฟ้ออาจจะยังไม่สิ้นสุดลง

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมกราคมนี้ ขณะเดียวกันให้น้ำหนัก 67% ที่จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมีนาคม ซึ่งลดลงจากการสำรวจก่อนหน้านี้ที่นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 70%

ดาวโจนส์

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงและมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 4%

ขณะที่ ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 3% เป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่กลุ่มสายการบินร่วงลง เนื่องจากความกังวลว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะส่งผลให้ต้นทุนเชื้อเพลิงของเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้น

นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ (5 ม.ค.) ขณะนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 163,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม หลังเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน และคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.8% ในเดือนธันวาคม จากระดับ 3.7% ในเดือนพฤศจิกายน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

Avatar photo