ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (30 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” พุ่งขึ้นกว่า 500 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวลง ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ จะยุติวงจรขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 35,950.89 จุด เพิ่มขึ้น 520.47 จุด หรือ +1.47% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,567.80 จุด เพิ่มขึ้น 17.22 จุด หรือ +0.38% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 14,226.22 จุด ลดลง 32.27 จุด หรือ -0.23%
ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคัก หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหาร และพลังงาน เพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบรายปี ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 3.5%
ทั้งนี้ ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
ข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเร็ว ๆ นี้ และคาดว่าก้าวต่อไปของเฟดคือการลดดอกเบี้ย ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปีหน้า
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนธันวาคม 2566 เดือนมกราคม และเดือนมีนาคม 2567 ก่อนที่จะลดดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพฤษภาคม 2567 และลดดอกเบี้ยอีก 0.25% มาอยู่ที่ 4.75-5.00% ในการประชุมเดือนมิถุนายน 2567
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ส่องกลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทยโค้งสุดท้าย! แนะเก็บหุ้นปันผล รับฟันด์โฟลว์ไหลเข้า
- 9 เดือนแรกปีนี้ หุ้นอะไรบ้างให้ผลตอบแทนสูงสุด
- ตลท. ชี้ความขัดแย้งตะวันออกกลางกดดันหุ้นทั่วโลก แนะติดตามข้อมูลรอบด้าน