เคลียร์ประเด็นร้อน ทำหุ้น GULF ร่วงเกินจริง บล. บัวหลวง เผยเกิดจากความกังวล 3 เรื่อง ที่ตลาดเข้าใจผิดเกี่ยวกับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า
หุ้น GULF หรือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงนี้ ด้วยหลายปัจจัยลบที่ตลาดกังวลว่าราคาหุ้นจะถูก Downgrade ทำให้ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น GULF ในรอบ 1 ปี ปรับลดลง 9.28% ในรอบ 6 เดือน ลดลง 18.89% และในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ลดลง 4.35%
นอกจากนี้ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น GULF ก็ยังปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่อง คาดว่าเกิดจากกระแสข่าวการปรับลดคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ต่างชาติ และเป็นรูปแบบของการปรับตัวลดลงตามหุ้นโรงไฟฟ้าทั้งกลุ่ม หลังผลกระทบจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ทำให้ส่วนต่างผลตอบแทนจากการลงทุนแคบลงมา
อย่างไรก็ดี มุมมองของ บล. บัวหลวง ออกมาเปิดเผยรายงานผ่านบทวิเคราะห์ ว่า การที่หุ้น GULF ร่วงเช่นนี้ เกิดจากความกังวล 3 เรื่อง ที่ตลาดเข้าใจผิดเกี่ยวกับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ได้แก่ การลดค่าไฟ กระบวนการลงนาม PPA พลังงานหมุนเวียนของ กกพ. และ โอกาสที่จำกัดในตลาดไฟฟ้าของประเทศไทย
ทั้งนี้ บล. บัวหลวง จึงอยากจะชี้แจงความจริงทีละประเด็น ดังนี้
1. การลดค่าไฟไม่ใช่เรื่องใหญ่ เมื่อ ปตท. ช่วยราคาก๊าซ
ตลาดกังวลว่าการปรับลดค่าไฟในเดือนกันยายน-ธันวาคม จาก 4.45 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง เป็น 3.99 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง จะส่งผลลบต่อโรงไฟฟ้า SPP อย่างมีนัยสำคัญ ทว่าการลดค่าไฟจะมาพร้อมกับมาตรการขยายระยะเวลาคืนทุนค่า Ft ให้กับ กฟผ. และ ปตท. ได้กำหนดเพดานราคาก๊าซในช่วงเวลาดังกล่าวให้อยู่ไม่เกิน 305 บาท/ล้าน btu ซึ่งลดลงราว 12% จากเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม
เพราะฉะนั้น เมื่อต้นทุนก๊าซลดลงเร็วเกือบเท่ากับอัตราค่าไฟ จึงช่วยลดผลกระทบต่ออัตรากำไรของโรงไฟฟ้า SPP ได้ ขณะเดียวกัน การขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมของ GULF มีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยต่อรายได้ ทำให้การลดค่าไฟจึงแทบไม่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มกำไรบริษัท
2. กกพ. จะยังคงเซ็นสัญญา PPAs อย่างต่อเนื่อง
ข้อพิพาทระหว่าง EA และ กกพ. อาจกระทบต่อการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังงานลม แต่เราไม่คิดว่าจะกระทบต่อกระบวนการลงนาม PPA กับผู้ที่ชนะโครงการฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ ฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ที่พร้อมระบบกักเก็บพลังงาน และโครงการพลังงานขยะ เนื่องจากนโยบายภาครัฐกำลังพยายามที่จะลดคาร์บอนและค่าไฟของโครงการเหล่านี้
อีกทั้ง กกพ. กำหนดกรอบเวลาลงนาม PPA ไว้ 6 เดือนหลังประกาศผลเมื่อเดือนเมษายน ดังนั้น คาดว่า GULF จะเริ่มลงนาม PPA บางฉบับในเร็วๆ นี้ และเมื่อบริษัทประกาศการลงนาม PPA ใหม่ จะส่งผลให้ความกังวลของตลาดคลี่คลายลง
3. โรงไฟฟ้าของไทยยังมีโอกาสอีกมาก
แม้ประเทศไทยจะมีอัตราสำรองไฟที่สูง แต่กำลังการผลิตสำรองส่วนใหญ่ ไม่สามารถใช้งานได้หากเกิดมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด ประเด็นนี้ทำให้ตลาดเข้าใจผิดว่า โอกาสของโรงไฟฟ้าในประเทศไทยมีจำกัดแล้ว ทั้งที่ความเป็นจริงยังมีอัพไซด์การเติบโตในกลุ่มพลังงานหมุนเวียนในระยะยาว
นอกจากนี้ กำลังการผลิตไฟฐานประมาณ 10 กิกะวัตต์ จะหมดอายุลงในช่วงปี 2566-2571 และหากมีการนำ EV มาใช้อย่างรวดเร็ว ก็จะทำให้ความต้องการใช้ไฟสูงสุดเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป ประเทศไทยอาจประสบปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าในช่วงพีค คือ กลางคืนในฤดูร้อน ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่สามารถพึ่งพาพลังงานแสงอาทิตย์และพลังน้ำได้
แผน PDP ฉบับใหม่ จึงมีแนวโน้มที่จะต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าฐานขนาดใหญ่ภายในปี 2571 และหาก กฟผ. ไม่มีความสามารถในการลงทุนเพียงพอ เนื่องจากภาระอุดหนุนค่าก๊าซจำนวนมาก ก็จะมีโอกาสต่อโรงไฟฟ้า IPP โครงการใหม่นั่นเอง
สุดท้ายนี้ นักวิเคราะห์ บล. บัวหลวง ให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น GULF ที่ราคาเป้าหมาย 68.00 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่า GULF จะรายงานกำไรหลักสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 3/2566 หนุนจากกำลังการผลิตใหม่ของโรงไฟฟ้า IPP ต้นทุนก๊าซที่ปรับลดลง และกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘กัลฟ์’ แจ้งโรงไฟฟ้าร่วมทุนจีน ‘ปากแบง’ ในลาว เซ็นขายไฟให้ ‘กฟผ.’ สัญญา 29 ปี
- ‘กัลฟ์’ พาผู้ถือหุ้น เยี่ยมชมกิจการ โรงไฟฟ้าอุทัย จังหวัดอยุธยา
- ‘กัลฟ์-กฟภ.’ ทำสัญญามูลค่ากว่า 223 ล้าน ‘บำรุงรักษาอุปกรณ์’ โรงไฟฟ้า