Stock

อยากเป็นเจ้าของหุ้น Apple ต้องทำอย่างไร ลงทุนผ่านตลาดหุ้นไทยได้มั้ย?

iPhone 15 เปิดตัวไปแล้ว แต่อยากเป็นเจ้าของหุ้น Apple ด้วยต้องทำอย่างไร ลงทุนผ่านตลาดหุ้นไทยได้มั้ย ที่นี่มีคำตอบ!

iPhone 15 เปิดตัวไปแล้ว ใครที่ไม่อยากซื้อแค่โทรศัพท์ แต่อยากเป็นเจ้าของหุ้น Apple ด้วย สามารถลงทุนได้ผ่าน “DRx” ทางเลือกใหม่สำหรับการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ อยากรู้ว่า DRx คืออะไร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีคำตอบ!

หุ้น Apple

นักลงทุนสามารถลงทุนหุ้น Apple ได้แล้วบนกระดานตลาดหุ้นไทย ผ่าน DRx ซึ่งเป็นทางเลือกในการลงทุนใหม่ที่ยืดหยุ่น เพราะมีเงินน้อยก็ลงทุนได้ ส่งคำสั่งเป็นบาทก็ได้ เป็นหน่วยก็ดี ทันสถานการณ์ซื้อขายได้ตามเวลาตลาดหุ้นต่างประเทศ และลงทุนง่ายด้วยแอปพลิเคชัน Streaming

มีคนเคยกล่าวว่า ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ มีแอปเปิล 3 ลูกที่เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ แอปเปิลลูกแรก คือ แอปเปิลของอดัม (Adam and Eve) เป็นแอปเปิลในคีมภีร์ไบเบิลที่ทำให้มนุษย์สามารถตื่นรู้ แยกแยะผิดชอบชั่วดี แอปเปิลลูกที่สอง คือ แอปเปิลของไอแซก นิวตัน (Isaac Newton) ที่ไปนั่งสังเกตดูว่าลูกแอปเปิลที่ตกลงมา มีแรงบางอย่างที่ดึงวัตถุให้ตกลงสู่พื้นโลก ทำให้เกิดทฤษฎีแรงโน้มถ่วง หรือ Gravity ที่เรารู้จักกันดี และแอปเปิลลูกที่สาม คือ บริษัท แอปเปิล (Apple Inc.) บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ปฏิวัติวงการเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต ผลิตสินค้าที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, MacBook เป็นต้น

Apple เป็นบริษัทที่มีความพิถีพิถัน โดยให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ จึงทำทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งฮาร์ดแวร์ ระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์บนแอปพลิเคชัน ตลอดจนบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบัน Apple จดทะเบียนซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (NASDAQ) สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap.) อยู่ที่ 2.47 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ Apple เป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2565)

หุ้น Apple

สิ่งที่ทำให้ Apple น่าสนใจ

1. Apple เป็นบริษัทที่ขายสินค้าและบริการที่คนใช้ในชีวิตประจำวัน (Consumer Product) เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ นาฬิกา ตลอดจนบริการต่าง ๆ เช่น iCloud, iTunes เป็นต้น

2. มีอัตราการซื้อซ้ำสูง หากเปรียบเทียบอัตราการซื้อซ้ำของ Apple กับคู่แข่งอย่าง Samsung โดยวัดจากลูกค้าเดิมที่เคยซื้อสินค้ามีการกลับมาซื้อซ้ำกี่เปอร์เซ็นต์ ปรากฏว่า Apple มีจำนวนลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำถึง 90% ในขณะที่ Samsung อยู่ที่ 65-70% เท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้ามีความมั่นใจในผลิตภัณฑ์สูงมาก

3. ความเชื่อมั่นของลูกค้า สร้างความได้เปรียบให้กับ Apple ในการที่จะกำหนดราคาขาย โดยที่ลูกค้าพร้อมจะซื้อสินค้าไม่ว่าราคาจะแพงขึ้นเท่าไหร่ก็ตาม จะเห็นได้จากกราฟที่อยู่ด้านล่างนี้ ว่าการขึ้นราคาในโทรศัพท์ iPhone รุ่นใหม่ ๆ ที่ออกมา ไม่ได้ส่งผลกระทบทำให้ยอดขายของ Apple ลดลงแต่อย่างใด

หุ้น Apple

4. Apple เป็นแบรนด์ที่มีอำนาจในการต่อรองสูง ทั้งกับซัพพลายเออร์และผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน จนทำให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุน และโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น การให้ซัพพลายเออร์ย้ายโรงงานผลิตมาอยู่ใกล้บริษัทเพื่อลดระยะเวลาการขนส่งและสินค้าคงคลังที่บริษัทต้องเก็บ หรือกรณีที่ Google ต้องจ่ายเงินให้กับ Apple ประมาณ 8 – 12 พันล้านเหรียญต่อปี เพื่อขอให้ใช้ Google เป็น Search Engine ในอุปกรณ์ของ Apple

5. มีความได้เปรียบในแง่ของความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งมีส่วนทำให้ Apple เป็นบริษัทที่มีฐานะทางการเงินแข็งแรง โดยหากลองพิจารณาที่กำไรสุทธิของ Apple บริษัทมีกำไรสุทธิย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 22.61% (ภาพซ้ายมือ) ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งอย่าง Samsung และ Xiaomi ซึ่งมีกำไรสุทธิเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 13.09% และ 69% ตามลำดับ (ภาพขวามือ)

หุ้น Apple

โดยส่วนที่สร้างรายได้และกำไรสุทธิให้กับ Apple มาจาก 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ การขายและจัดจำหน่าย iPhone รองลงมาเป็นรายได้จากค่าบริการต่าง ๆ ได้แก่ ค่าโฆษณา บริการ AppleCare บริการ Cloud services บริการ App Store และบริการชำระเงิน (ภาพซ้ายมือ) โดยกำไรขั้นต้นจากค่าบริการสูงถึง 70% ซึ่งรายได้ในส่วนดังกล่าวก็มีการเติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง (ภาพขวามือ)

หุ้น Apple

6. มีความแข็งแกร่งด้านการเงิน Apple เป็นบริษัทที่มีกระแสเงินสดสุทธิสูง เนื่องจากมีวงจรเงินสด (Cash Cycle) ติดลบ มีระยะเวลาสินค้าคงคลังที่ต่ำมาก เพราะ Apple ขายของได้เก่ง ทำให้สินค้าสามารถหมุนได้เร็ว เก็บสต็อกน้อย จึงมีเงินสดมาก โดยหากเปรียบเทียบกับบริษัทใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ (ภาพซ้ายมือ) นับว่าเป็นบริษัทที่มีกระแสเงินสดสุทธิสูงมาก และเป็นบริษัทที่มีเงินสดมากกว่าหนี้สินเสียอีก อย่างไรก็ดี Apple ได้ตระหนักถึงเรื่องดังกล่าวและต้องการที่จะลดกระแสเงินสดในบริษัทลง โดยวิธีที่นิยมทำก็คือ “การซื้อหุ้นคืน” ซึ่งทำให้ราคาหุ้นของ Apple ปรับตัวสูงขึ้น โดยจะเห็นได้จากกราฟ (ภาพขวามือ) ว่าตลอด 5 ปีที่ผ่านมา Apple มีการใช้เงินสดในการไล่ซื้อคืนหุ้นคืนเฉลี่ยปีละ 7.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และจากสถานการณ์ทางการเงินของ Apple ก็มีผู้คาดการณ์ว่าจะมีการซื้อหุ้นคืนอีก ซึ่งหาก Apple ซื้อหุ้นคืน ก็จะทำให้ราคาหุ้นปรับขึ้น ผู้ที่ได้รับประโยชน์ก็คือ “ผู้ถือหุ้น” ของบริษัท Apple

หุ้น Apple

ลงทุนหุ้น Apple ผ่านตลาดหุ้นไทย

ปัจจุบัน นักลงทุนไทยสามารถลงทุนในต่างประเทศได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ผ่านการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่ซื้อขายบนกระดานตลาดหุ้นไทย เช่น DRx (Fractional DR) ซึ่งเป็นตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยผู้ออก DRx จะเป็นคนไปซื้อหุ้นหรือหน่วยลงทุนต่างประเทศ แล้วนำมาเสนอขายให้กับนักลงทุนไทยในรูปสกุลเงินบาทอีกต่อหนึ่ง ซึ่งผู้ถือ DRx จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เสมือนลงทุนหุ้นหรือหน่วยลงทุนต่างประเทศโดยตรง เช่น สิทธิในการรับเงินปันผล เป็นต้น

ล่าสุด ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศของบริษัท แอปเปิล อิงค์ (Apple Inc.) หรือ DRx ของหุ้น Apple มีสัญลักษณ์ซื้อขาย คือ AAPL80X เพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายหุ้น Apple ได้บนกระดานตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีข้อดีคือ ไม่ต้องยุ่งยากในการไปลงทุนหุ้น Apple ในต่างประเทศโดยตรง มีเงินน้อยก็ลงทุนได้ เนื่องจาก DRx สามารถลงทุนขั้นต่ำโดยเริ่มต้นที่ 0.0001 หน่วยเท่านั้น และสามารถเลือกซื้อขายเป็นจำนวนเงินบาท หรือ จำนวนหน่วยของ DRx ก็ได้

นอกจากนี้ ยังสามารถซื้อขายตามเวลาทำการของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ ซึ่งจะเปิดซื้อขายในเวลา 2 ทุ่มถึงตี 4 ของวันถัดไป ทำให้การเคลื่อนไหวของราคา DRx จะสอดคล้องกับหุ้น Apple ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยนักลงทุนสามารถซื้อขาย DRx ได้อย่างสะดวกผ่านแอปพลิเคชัน Streaming เช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้น เพียงแค่เปิดบัญชี DRx ซึ่งเป็นบัญชีย่อยภายใต้บัญชีซื้อขายหุ้นเพิ่มเติม หรือนักลงทุนที่มีบัญชีซื้อขายหุ้นอยู่แล้วสามารถขอเปิดบัญชี DRx ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน Streaming ได้

ที่มา : พงศ์ชวิศ รัตนมโนชัย รองผู้อำนวยการฝ่าย Product Solutions and Markets Innovation สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK