ในแวดวงทางการเมืองชื่อของอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” อาจจะมีหลายแง่มุมที่แต่ละคนมองแตกต่างกันออกไป แต่หากพูดถึงการทำธุรกิจ ทักษิณ ชินวัตร คือนักธุรกิจไทยที่ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่อายุยังน้อย และสร้างปรากฏการณ์มากมาย
เพราะในประเทศไทยมีไม่กี่คนนักที่จะสามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ถึง 3 แห่ง อีกทั้งยังเป็นบริษัทระดับแนวหน้าที่สร้างการเติบโตด้วยมูลค่าระดับแสนล้านบาท สำหรับ 3 บริษัทที่ว่านั้นประกอบไปด้วยหุ้น INTUCH ADVANC และ THCOM ในปัจจุบัน แม้ตอนนี้คุณทักษิณจะไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในกลุ่มบริษัทดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่เราอยากจะพาไปย้อนรอยกันว่าที่มาที่ไปของหุ้นเหล่านี้ในยุคทักษิณเป็นอย่างไรบ้าง
เริ่มต้นกันที่ INTUCH หรือ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ก่อนหน้านี้เคยชื่อว่า บริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ เซอร์วิส แอนด์ อินเวสเมนท์ จำกัด (SHIN) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2526 ธุรกิจเริ่มแรกคือการจำหน่ายและให้เช่าคอมพิวเตอร์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ จากนั้นคุณทักษิณได้มองเห็นช่องทางในการเป็นตัวแทนซื้อขายคอมพิวเตอร์ระหว่างภาครัฐกับ IBM ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์สัญชาติอเมริกัน ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนทำให้บริษัทสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ชินวัตรคอมพิวเตอร์ ยังเป็นตัวแทนให้ AT&T บริษัทโทรคมนาคมของสหรัฐฯ ในการขายระบบสื่อสารข้อมูลพร้อมเสียงให้แก่องค์การโทรศัพท์ จากนั้นจึงได้ขยายไปธุรกิจเทคโนโลยีการสื่อสารมากมาย ตั้งแต่การรับสัปทานคลื่นความถี่วิทยุ, ให้บริการแพ็กลิงก์ เพจเจอร์, สัมปทานโทรศัพท์ GSM 900 MHz และดาวเทียมไทยคม
กระทั่งสามารถนำชินวัตรคอมพิวเตอร์ เข้าระดมทุน IPO ในปี 2533 ที่ราคาเสนอขายครั้งแรก 250 บาท ราคาพาร์ 10 บาท (ปัจจุบันพาร์ 1 บาท) ด้วยรูปแบบของการเป็น Holding Company โดยถือหุ้นลงทุนในธุรกิจอื่นๆ
ต่อมาไม่นานจึงได้มีการ Spin-off บริษัทย่อยเข้าตลาด นำโดย ADVANC หรือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด เข้า IPO ในปี 2534 ด้วยราคาเสนอขาย 115 บาท ราคาพาร์ 10.00 บาท (ปัจจุบันพาร์ 1 บาท) และ THCOM หรือ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เข้า IPO ในปี 2537 ด้วยราคาเสนอขาย 39 บาท ราคาพาร์ 10 บาท (ปัจจุบันพาร์ 5 บาท)
โครงสร้างการถือหุ้นในธุรกิจของคุณทักษิณ จะเป็นการถือหุ้นผ่านชินคอร์ป (INTUCH เดิม) แล้วเอาชินคอร์ปมาถือหุ้นใน ADVANC และ THCOM ต่ออีกที แต่อย่างที่เรารู้กันคือในปี 2549 ครอบครัวชินวัตรได้ตัเสินใจขายหุ้นชินคอร์ป มูลค่า 73,274 ล้านบาท ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลสิงคโปร์ นับเป็นดีลซื้อขายหุ้นที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นไทยในขณะนั้น และกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของคุณทักษิณไปตลอดกาล
เนื่องจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมายเกี่ยวกับการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายในการซื้อขายหุ้นครั้งนั้น โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงภาษีการขายหุ้น รวมถึงการปล่อยให้ทุนต่างชาติเข้าบริหารกิจการด้านความมั่นคงของประเทศ
กระทั่งถูกฝ่ายตรงข้ามนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ทำให้รัฐบาลทักษิณต้องตัดสินใจยุบสภา ตามมาด้วยเหตุการณ์รัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 ส่งผลให้คุณทักษิณต้องลี้ภัยทางการเมือง โดยอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รวมเป็นระยะเวลาเกือบ 17 ปีแล้ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เจาะหุ้น SAV หุ้นสนามบินกัมพูชา หวังโตตามรอย AOT
- เช็กเลย!! หุ้นที่ลงแรงหลังเลือกตั้ง รีบาวด์กลับมาแล้วหรือยัง?
- กว่า 64 ปี!! เจาะหุ้น KCG ผู้ผลิตคุกกี้กล่องแดงกำลังจะ IPO
