Stock

‘โกลเบล็ก’ คาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่ง 1,515-1,560 จุด แนะลุยหุ้น 5 ธีมเด่น!

“บล.โกลเบล็ก” คาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งกรอบ 1,515-1,560 จุด แนะลุยหุ้น 5 ธีมเด่น ปันผลดี-เมกะเทรนด์-EEC-ยั่งยืน-พื้นฐานเด่น

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวผันผวน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว SET ที่ 1,515-1,560 จุด โดยได้แรงหนุนจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ถือเป็นย่างก้าวสำคัญในการผลักดันร่างกฎหมายการปรับเพิ่มเพดานหนี้เข้าสู่สภาคองเกรสก่อนถึงกำหนดเส้นตายในการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐในต้นเดือนมิถุนายน

หุ้นไทยสัปดาห์นี้

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐสาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDP Now ล่าสุด แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.9% ในไตรมาส 2/66 จากที่ขยายตัว 1.1% ในไตรมาส 1/65 ส่วนปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามการจัดตั้งรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ขณะที่ในช่วงเดือนมกราคมถึง 18 พฤษภาคม 2566 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 1 ล้านคน หลังจากที่จีนเปิดพรมแดนอีกครั้ง

ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ อาทิ สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค และ สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม, วันที่ 31 พฤษภาคม กำหนดประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/2566 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย และวันที่ 13 กรกฎาคม กกต.รับรองผลเลือกตั้งวันสุดท้าย

หุ้นไทยสัปดาห์นี้

ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ต้องจับตา ได้แก่ 30 พฤษภาคม สหรัฐ รายงานดัชนีราคาบ้านเดือนมีนาคม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม ดัชนีการผลิตเดือนพฤษภาคม 31 พฤษภาคม จีน รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการเดือนพฤษภาคม สหรัฐรายงานตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนเมษายน เช้าวันที่ 1 มิถุนายน รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

วันที่ 1 มิถุนายน วันสุดท้ายของการบรรลุข้อตกลงการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ จีน รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพฤษภาคม สหรัฐ รายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพฤษภาคม จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนพฤษภาคม ดัชนีภาคการผลิตเดือนพฤษภาคม และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 4 มิถุนายน โอเปกและชาติพันธมิตรประชุมเพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมัน

หุ้นไทยสัปดาห์นี้

แนะกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น 5 ธีมเด่น ได้แก่

1. หุ้นปันผลดี เช่น หุ้น TISCO จ่ายปันผลสม่ำเสมอติดต่อกัน 5 ปีราว 6.5-8.7%, หุ้น INTUCH จ่ายปันผลสม่ำเสมอติดต่อกัน 5 ปีราว 3.1-6.5%

2. หุ้น Megatrend เช่น หุ้น BE8, BBIK และ GABLE ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการโซลูชั่นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลครบวงจร มีแนวโน้มการเติบโตควบคู่ไปกับการทำ Digital Transformation และประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วง Early Stage ของการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบดังกล่าว โดยข้อมูลของ Gartner บ่งชี้ว่าแนวโน้มการใช้จ่ายด้านไอทีเกี่ยวเนื่องกับการทำ Digital Transformation ช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 66-69) เติบโตเฉลี่ย (CAGR) 12.8% ต่อปี ขณะที่ Consensus คาดกำไรปี 66 ของ BE8, BBIK และ GABLE โตราว 117%, 109% และ 40% ตามลำดับ ถือว่าเติบโตดีกว่าค่าเฉลี่ยของมูลค่าการใช้จ่ายด้านไอที

3. หุ้นยั่งยืน เช่น EA ดำเนินธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน รถบัสไฟฟ้า เรือไฟฟ้า และ WAVE ดำเนินธุรกิจ Carbon Credit

4. หุ้นเติบโตใน EEC เช่น AMATA มีนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรีและระยอง, WHA มีนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรีและระยอง และ ORI มีโครงการที่อยู่อาศัย และโรงแรมในเขตพื้นที่ EEC

5. หุ้นพื้นฐานเด่น อาทิ PJW ผลการดำเนินงานปี 2566 เติบโตต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว และ XO ธุรกิจปี 2566 ฟื้นตัวสู่ 20% เนื่องจากได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อใหม่จากสหรัฐ แคนาดา และเม็กซิโก

หุ้นไทยสัปดาห์นี้

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินภาพรวมราคาทองคำในสัปดาห์นี้จับตาประกาศตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐและการเจรจาขยายเพดานหนี้ มองกดดันตลาดในระยะสั้น เนื่องจากกระทรวงการคลังของสหรัฐได้เตือนฝั่งการเมือง เพราะไม่ต้องการผิดนัดชำระหนี้ อีกทั้งต้องการให้การบริหารประเทศและเศรษฐกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าวได้สำเร็จจะเป็นปัจจัยหนุนแก่ราคาทองคำ

ฝ่ายวิจัยประเมินว่าสหรัฐจะไม่ผิดนัดชำระหนี้แต่อาจมีการชัตดาวน์ซึ่งเรามองว่าไม่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของสหรัฐ อย่างไรก็ตามปัจจัยทางเทคนิคที่อ่อนแอยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ คาดการณ์ราคาทองคำอาจแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,930-1,980 ดอลลาร์/ออนซ์ คำแนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK