Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดพุ่งเกือบ 400 จุด ‘บอนด์ยีลด์’ ลด หนุนขาขึ้นตลาด

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (3 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” พุ่งเกือบ 400 จุด แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ที่ปรับตัวลง หลังการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ ช่วยบรรเทาความวิตก เกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 33,390.97 จุด เพิ่มขึ้น 387.40 จุด หรือ +1.17% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,045.64 จุด เพิ่มขึ้น 64.29 จุด หรือ +1.61% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 11,689.01 จุด เพิ่มขึ้น 226.02 จุด หรือ +1.97%

ดาวโจนส์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ที่ลดต่ำกว่าระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 4% ถือเป็นแรงหนุนหลักของตลาด เพราะเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ที่ใช้อ้างอิงการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น และช่วยลดต้นทุนการชำระหนี้ของบริษัทต่าง ๆ ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถเพิ่มการลงทุน และเพิ่มการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

ตลาดยังได้แรงหนุนขาขึ้น จากถ้อยแถลงของนายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ซึ่งกล่าวสนับสนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ แม้นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ จะบอกว่า เฟดควรขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมีนาคม และเชื่อว่าการที่เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย จะไม่ทำให้สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยแต่อย่างใด

ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เตรียมกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันที่ 7 มีนาคมนี้ ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธที่ 8 มีนาคม

นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวลเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่จะมีการประชุมเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 21-22 มีนาคม

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดบวก ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุด โดยปรับตัวขึ้น 2.14% และ 2.12% ตามลำดับ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo