Personal Finance

แนวคิด บันได 4 ขั้นสู่การมีอิสรภาพทางการเงิน ฉบับมนุษย์เงินเดือน

อิสรภาพทางการเงิน สิ่งที่มนุษย์เงินเดือนควรทำความเข้าใจ และเริ่มต้นวางแผนตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงาน

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) แนะนำ อิสรภาพการเงิน วิชาสำคัญสำหรับมนุษย์เงินเดือน ถ้าอยากใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ มีอิสระอย่างที่ใจฝัน และพิชิตอิสรภาพทางการเงินได้ มาทำความรู้จัก แนวคิดบันได 4 ขั้นสู่การมีอิสรภาพทางการเงิน ดังนี้

มนุษย์เงินเดือน

1. ฉลาดออม ฉลาดใช้ สร้างรากฐานทางการเงินที่ดี

หาได้เท่าไหร่ ใช้จ่ายให้น้อยกว่า และเก็บสะสมไว้เผื่อใช้ในอนาคต คือแนวคิดพื้นฐานของการเก็บออมที่มนุษย์เงินเดือนทุกคนควรจะยึดถือเป็นนิสัยติดตัวกันเอาไว้ เพราะยิ่งเริ่มต้นออมเงินเร็วเท่าไหร่ ยิ่งมีเงินเก็บไว้ใช้ในอนาคตมากขึ้นเท่านั้น

การเป็นมนุษย์เงินเดือน มีข้อดีตรงที่ มั่นใจได้ว่าในทุก ๆ เดือนเราจะได้เงินเดือนเข้าบัญชีมาในจำนวนเท่า ๆ กัน จึงง่ายต่อการวางแผน และกำหนดสัดส่วนการเก็บออมเงินที่พอดีกับชีวิตของเรา

แต่ถ้าใครยังคิดไม่ออกว่าควรจะเก็บออม ใช้จ่าย หรือใช้เงินเพื่อซื้อหาความสุขในสัดส่วนสักเท่าไหร่ดี ลองใช้สูตรออมเงิน 50:30:20 ดูก่อน แล้วค่อย ๆ ปรับสัดส่วนให้พอดีกับชีวิตของเราก็ได้

ฉลาดออม

ส่วนแรก 50% สำหรับใช้จ่ายกับสิ่งที่จำเป็นในชีวิต อย่างเช่น ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเดินทาง และค่าอาหารในแต่ละวัน

ส่วนที่สอง 30% สำหรับใช้จ่ายกับสิ่งที่เป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเรา อย่างเช่น เสื้อผ้า กระเป๋า การเดินทางท่องเที่ยว หรืออาหารดี ๆ

ส่วนที่สาม 20% สำหรับการเก็บออมเพื่ออนาคตที่มั่นคง โดยอาจจะแบ่งออกเป็น 2 กอง เช่น 10% เก็บเป็นเงินสำรองฉุกเฉิน และอีก 10% เก็บเป็นเงินออมระยะยาว

ทั้งนี้อัตราส่วนดังกล่าว สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล เช่น สามารถแบ่งเพื่อเก็บออม และลงทุนมากกว่าขั้นต่ำที่ 20% ก็ได้

 

2. รอบรู้เรื่องกู้ยืม ไม่ก่อหนี้เกินตัว

หลังจากทำงานไปได้สักพัก มนุษย์เงินเดือนหลาย ๆ คนมักเกิดความรู้สึกว่าอยากจะมีบ้าน หรือรถเป็นของตัวเอง ถึงแม้การจะได้มาซึ่งสินทรัพย์เหล่านี้ ต้องแลกมาด้วยเงินในจำนวนที่ไม่น้อย หรือทำให้ฃต้องเริ่มมีหนี้สินจากการกู้ยืม

แต่สินทรัพย์เหล่านี้ก็ถือเป็นสมบัติ หรือสินทรัพย์ได้เมื่อผ่อนหมด และถือเป็นความสุขในระยะยาวของชีวิต

กู้ยืม

หากฃมีความฝันอยากจะมีบ้านหรือรถเป็นของตัวเอง สามารถทำให้เป็นจริงได้ด้วยการเริ่มต้นจากการเช็กไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ประเมินความสามารถในการผ่อนชำระ จากฐานเงินเดือน หนี้สินที่มีอยู่ และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในแต่ละเดือน เพื่อที่จะหาบ้านหรือรถที่ตอบโจทย์ชีวิต และทำให้เราผ่อนชำระได้แบบพอดี ๆ ไม่ตึงจนเกินไป

 

การซื้อบ้าน หลังจากคำนวณแล้ว ค่างวดที่เราต้องชำระในแต่ละเดือนไม่ควรเกิน 20-30% ของรายได้ต่อเดือน

การซื้อรถ ถ้าจะให้ผ่อนได้แบบพอดี ไม่ตึงเกินไป ควรผ่อนอยู่ที่ราว ๆ 10-15% ของรายได้เดือน

สิ่งที่ควรจะทำควบคู่กันไป เมื่อผ่อนบ้านหรือผ่อนรถ เพื่อช่วยให้เราสามารถชำระค่างวดได้มากขึ้น เพื่อให้ปลดหนี้ได้ไวขึ้นก็คือ การพัฒนาทักษะความสามารถที่มีเพื่อหาโอกาสในการเพิ่มรายได้ให้ตัวเอง เช่น การได้เลื่อนขั้น หรือการย้ายงานที่ใหม่ที่ได้เงินเดือนสูงขึ้น หรืออาจจะเป็นการหารายได้จากช่องทางอื่น ๆ

3. ลงทุนเพื่ออนาคต เพื่อการใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ

เมื่ออายุมากขึ้น หน้าที่การเงินที่เติบโตขึ้น ก็ถึงช่วงเวลาที่มนุษย์เงินเดือนจะต้องคิดถึงเรื่องการวางแผนแต่งงาน สร้างครอบครัว มีลูก หรือแผนเกษียณในอนาคต

ลงทุน

เมื่อมีเรื่องให้ต้องใช้จ่ายมากขึ้น การลงทุนจึงเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญ หากเริ่มตั้งเป้าหมาย ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความรู้เข้าความเข้าใจ และลงทุนในสัดส่วนที่พอดีกับชีวิต

เมื่อเวลาผ่านไป ต้นทุน\ก็จะต่อยอดงอกเงยกลายเป็นกำไรหรือให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพึงพอใจ และเพียงพอที่จะนำไปใช้จ่ายเพื่อทำให้แต่ละเป้าหมายที่วางไว้สำเร็จได้

4. มีความคุ้มครองอุ่นใจ ใช้ชีวิตได้เต็มที่

การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแบบฉบับมนุษย์เงินเดือน นอกจากการวางแผนทางการเงินที่ดี เพื่อให้มีเงินเก็บออมที่เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตในอนาคตแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรละเลยก็คือเรื่องของสุขภาพ เมื่อตั้งใจทำงานเก็บออมเงินมาตลอดทั้งชีวิต

เชื่อว่าทุกคนคงไม่อยากให้เงินจำนวนมาก หมดไปกับค่ารักษาพยาบาลในช่วงที่ต้องเผชิญกับความเจ็บ ป่วย หรือเรื่องไม่คาดฝัน จนทำให้เป้าหมายอื่น ๆ ต้องสะดุดหยุดลงไป

ครอง

การวางแผนทางการเงิน และการวางแผนด้านสุขภาพจึงเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นควบคู่กันไป ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันสุขภาพ ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องซื้อความคุ้มครองทั้งหมดเพียงครั้งเดียว แต่สามารถทยอยซื้อเพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมในแต่ละสเต็ปของชีวิต

ตัวอย่างเช่น เมื่อเจ็บป่วยระหว่างทำงาน ต้องมั่นใจว่ามีประกันที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลที่เพียงพอ เมื่อถึงวัยสร้างครอบครัว ต้องว่าหากเกิดอุบัติเหตุหรือเรื่องไม่คาดฝัน จะมีประกันที่ช่วยดูแลคนข้างหลังแทนเราได้ และเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ ต้องอุ่นใจได้ว่าหากเกิดโรคร้ายแรง ประกันที่มีจะช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาล ได้อย่างครอบคลุม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo