Personal Finance

‘พิพัฒน์’ ชี้เป้าแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ปลดหนี้นอกระบบ

“พิพัฒน์” ชี้เป้าแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เตรียมเงิน 80 ล้านบาท ให้สหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ช่วยลูกจ้างปลดหนี้นอกระบบ 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยข่าวดี กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เตรียมเงิน 80 ล้านบาท เชิญชวนสหกรณ์ออมทรัพย์/สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ กู้เงินเป็นทุนช่วยลูกจ้างปลดหนี้นอกระบบ พัฒนาคุณภาพชีวิต

เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ

ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาล โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กำหนดให้การแก้ไขหนี้สินให้กับประชาชนทั้งระบบเป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงแรงงานได้ร่วมขับเคลื่อนแก้ปัญหาหนี้ให้กับลูกจ้างผ่านมาตรการต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการเร่งช่วยเหลือลูกจ้างและแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จึงขอเชิญชวนสถานประกอบกิจการ กู้เงินกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน เพื่อนำไปเป็นแหล่งเงินทุนให้ลูกจ้างกู้ยืม โดยผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์/สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ ในอัตราดอกเบี้ยต่ำที่เหมาะสม เพื่อให้ลูกจ้างสามารถนำไปปลดเปลื้องหนี้สินจากการกู้ยืมเงินนอกระบบ

นอกจากนี้ ยังช่วยให้ลูกจ้างและครอบครัว มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และมีคุณภาพชีวิตที่่ดีขึ้น หรือกรณีที่ไม่สามารถหาหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไปได้

สำหรับในปีงบประมาณ 2567 มีวงเงินสำหรับให้กู้ 80 ล้านบาท แบ่งเป็น การให้บริการเงินกู้ในกรณีปกติ ซึ่งให้กู้ได้สูงสุดไม่เกินสหกรณ์ละ 30 ล้านบาท โดยคิดอัตราเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 2.75-3.00 ต่อปี

พิพัฒน์
พิพัฒน์ รัชกิจประการ

การให้บริการเงินกู้ตามโครงการเงินกู้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งให้บริการแก่สถานประกอบกิจการที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือมีสมาชิกที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ สามารถกู้ได้สูงสุดไม่เกินสหกรณ์ละ 20 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี

ขณะเดียวกัน ยังมีโครงการพิเศษ โครงการเงินกู้สร้างสุข ปลดทุกข์หนี้นอกระบบ มีวงเงินกู้ 50 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 0.5- 1.5% ต่อปี สำหรับโครงการพิเศษนี้มีระยะเวลาในการยื่นคำขอกู้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 นี้ เท่านั้น

ด้านนางโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน ตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2538 ซึ่งตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน ได้ให้บริการเงินกู้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์/เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการแล้ว จำนวน 338 แห่ง สัญญา เป็นเงินกว่า 2,669 ล้านบาท สามารถบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินของลูกจ้างที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ 269,478 คน

สหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ ที่มีความประสงค์จะกู้เงินจากกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน ส่วนกลางสามารถยื่นคำขอได้ที่กองสวัสดิการแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ชั้น 3

ในส่วนภูมิภาคยื่นคำขอได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสามารถยื่นกู้ผ่านระบบ e-service ได้ที่ https://labourfund.labour.go.th

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 660 2180 หรือ Facebook : กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน E-mail : [email protected]

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo