Personal Finance

ยื่นภาษี 2566 ภายในวันไหน? อัปเดตรายการลดหย่อนภาษีล่าสุดที่นี่!

มนุษย์เงินเดือนรู้หรือไม่? ยื่นภาษี 2566 ภายในวันไหน มีรายงานลดหย่อนภาษีอะไรบ้าง อัปเดตรายการลดหย่อนภาษีปี 2566 ล่าสุดที่นี่

มนุษย์เงินเดือนเตรียมพร้อม!! การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2567 นั้น สามารถยื่นภาษีแบบเอกสารหรือกระดาษ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่ง ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2567 หรือจะยื่นภาษีแบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th ก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 8 เมษายน 2567

ยื่นภาษี 2566

โดยรายการลดหย่อนภาษีปี 2566 นี้แบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก ๆ ดังนี้

กลุ่มลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว

  1. ลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
  2. คู่สมรส (จดทะเบียนสมรส – ไม่มีรายได้) 60,000 บาท
  3. บุตร คนละ 30,000 บาท หากเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย สามารถหักลดหย่อนได้ไม่จำกัดจำนวนคน แต่ถ้าเป็นบุตรบุญธรรม สามารถหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 3 คน โดยมีเงื่อนไขดังนี้
    – อายุไม่เกิน 20 ปี
    – ถ้าอายุ 21 – 25 ปี ต้องศึกษาอยู่ในระดับ ปวส. ขึ้นไป
    – บุตรมีเงินได้ไม่ถึง 30,000 บาทต่อปี ในกรณีบุตรคนที่ 2 ขึ้นไปที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป จะสามารถลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท
  4. ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร หักลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 60,000 บาท
  5. ค่าดูแลเลี้ยงดูพ่อแม่ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป คนละ 30,000 บาท โดยพ่อแม่ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และสามารถหักลดหย่อนสำหรับพ่อแม่ของคู่สมรสได้อีกคนละ 30,000 บาท
  6. ค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ คนละ 60,000 บาท โดยผู้พิการต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และมีบัตรประจำตัวคนพิการ

ยื่นภาษี 2566

กลุ่มประกันและการลงทุน

  1. ประกันสังคมสูงสุด 9,000 บาท
  2. เบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ของเราและคู่สมรส ลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท
  3. เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป หรือเงินฝากแบบมีประกันชีวิต (คุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป) ลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
  4. เบี้ยประกันสุขภาพตัวเอง ลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับประกันชีวิตทั่วไปแล้ว ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
  5. เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนได้ 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และอาจจะลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท ถ้ายังไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป โดยมีเงื่อนไขดังนี้
    – ระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป
    – จ่ายผลตอบแทนให้ผู้เอาประกันตั้งแต่อายุ 55 ปี ต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 85 ปี หรือมากกว่านั้น
  6. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ลดหย่อนได้ 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
  7. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
  8. กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
    – ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี หรืออย่างน้อยปีเว้นปี
    – ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก โดยนับเฉพาะปีที่มีการซื้อหน่วยลงทุน คือ ปีใดไม่ลงทุนจะไม่นับว่ามีการลงทุนในปีนั้น
    – ขายได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
  9. กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
    – ต้องถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ
    – ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อและไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
  10. กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุด 30,000 บาท

ทั้งนี้ กองทุน RMF, กองทุน SSF, กบข., กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ และประกันชีวิตแบบบำนาญ เมื่อรวมกันทั้งหมด ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

ยื่นภาษี 2566

กลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจ

  1. ดอกเบี้ยบ้าน ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
    – เป็นดอกเบี้ยจากเงินกู้เพื่อซื้อบ้าน คอนโดมิเนียม หรือที่อยู่อาศัย โดยเราต้องอาศัยในบ้านหลังนี้ด้วย
    – ต้องเป็นการกู้เพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่บนที่ดินของตัวเอง หรือกู้เพื่อซื้อคอนโดมิเนียม
    – ต้องเป็นการกู้ยืมจากสถาบันการเงินภายในประเทศ
    – หากมีการกู้สำหรับที่อยู่อาศัยมากกว่า 1 แห่ง สามารถรวมกันได้ แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
    – กรณีกู้ร่วมกันหลายคน ให้แบ่งดอกเบี้ยคนละเท่า ๆ กัน
  2. เงินลงทุนวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) 100,000 บาท
  3. ช้อปดีมีคืน 40,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
    – ซื้อสินค้าและบริการทั่วไปที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หนังสือ (รวมถึง e-book) และสินค้า OTOP ลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชนแล้ว
    – มีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ลดหย่อนได้ 30,000 บาท
    – มีใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ ลดหย่อนเพิ่มได้อีก 10,000 บาท
    – ใช้สำหรับการซื้อสินค้าในช่วงวันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 66

กลุ่มเงินบริจาค

  1. บริจาคพรรคการเมือง 10,000 บาท
  2. เงินบริจาคเพื่อการศึกษา สนับสนุนกีฬา พัฒนาสังคมต่าง ๆ มูลนิธิด้านสาธารณสุข และโรงพยาบาลรัฐ ลดหย่อนได้ 2 เท่าของที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
  3. เงินบริจาคอื่น ๆ มูลนิธิและองค์กรสาธารณกุศล ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน

ยื่นภาษี 2566

ตัวอย่างการคำนวณภาษี ด้วยการซื้อกองทุน SSF เพื่อประหยัดภาษี

นายฟินมีเงินเดือน 35,000 บาท รวมรายได้ทั้งปี 420,000 บาท ผ่อนบ้านอยู่ 1 หลัง และซื้อของที่เข้าร่วมโครงการช้อปดีมีคืน 30,000 บาท จะเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่าไหร่ ?

นายฟินมีเงินเดือน 35,000 บาท รวมรายได้ทั้งปี 420,000 บาท จะสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท ค่าลดหย่อนประกันสังคม 9,000 บาท ค่าลดหย่อนดอกเบี้ยบ้าน 50,000 บาท (ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท) และค่าลดหย่อนช้อปดีมีคืนอีก 30,000 บาท เมื่อคิดเงินได้สุทธิแล้วจะอยู่ที่ 171,000 บาท

การคำนวณภาษีจะเป็นการคิดคำนวณแบบขั้นบันได ซึ่งเงินได้สุทธิ 171,000 บาท จากข้อมูลอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2566 จะอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีฐาน 5% แต่เงินได้สุทธิ 0 – 150,000 บาทแรก จะได้รับการยกเว้นภาษี ทำให้จะคิดภาษีเพียงแค่ 21,000 บาท ดังนั้นนายฟินจะเสียภาษีอยู่ที่ 1,050 บาท

แต่หากนายฟินต้องการประหยัดภาษีก็สามารถหาตัวช่วยลดหย่อนภาษีอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ อย่างเช่น กองทุนลดหย่อนภาษี SSF จำนวน 21,000 บาท (ซึ่งสามารถซื้อ SSF ได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท) จะทำให้นายฟินมีเงินได้สุทธิเหลือเพียง 150,000 บาท ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ได้รับการยกเว้นภาษี (0 – 150,000 บาทแรก) หรือก็คือนายฟินจะไม่เสียภาษีเลยนั่นเอง และนอกจากการลงทุนในกองทุน SSF จะสามารถช่วยประหยัดภาษีแล้ว ยังสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูล ธนาคารทหารไทยธนชาต

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK