แบงก์ชาติ เร่งพฒนา ‘พร้อมเพย์’ ขยายการชำระเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าใน 3 ปีข้างหน้า จ่อปรับระบบช่วยนักช้อปออนไลน์
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงทิศทางการพัฒนาระบบการชำระเงิน ภายใต้ภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงินไทย ภายใต้แผนกลยุทธ์การพัฒนาระบบชำระเงินในระยะ 3 ปี (พ.ศ.2565-2567) ว่า ระบบการชำระเงินดิจิทัลของไทยมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และระบบพร้อมเพย์ที่ถือเป็น game changer หรือจุดเปลี่ยนที่สำคัญของระบบการชำระเงินไทย
แบงก์ชาติเผย ลงทะเบียนแล้ว 71 ล้านเลขหมาย
โดยนับตั้งแต่เปิดเริ่มให้บริการในปลายปี 2559 จนถึงปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนแล้วถึง 71 ล้านหมายเลข มีปริมาณการทำรายการธุรกรรมการเงินเฉลี่ยถึงวันละ 38 ล้านรายการ มูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท และได้รับการพัฒนาต่อยอดบริการที่หลากหลาย เช่น การชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด การส่งคืนภาษีเงินได้ผ่านพร้อมเพย์ การจ่ายเงินสวัสดิการ การบริจาคเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation)
นอกจากนี้ ยังพัฒนาพร้อมเพย์เชื่อมโยงระบบการชำระเงินและโอนเงินกับต่างประเทศ โดยโครงการที่รู้จักแพร่หลาย คือ การเชื่อมโยงระบบพร้อมเพย์ไทยกับระบบเพย์นาวของสิงคโปร์ เพื่อโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการเชื่อมโยง 2 fast payment คู่แรกของโลก และได้รับรางวัล “Initiative of the Year” ประจำปี 2565 จากวารสารธนาคารกลาง และล่าสุดไทยยังมีการเชื่อมโยงบริการชำระเงินกับอีก 5 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
เพิ่มประสิทธิภาพการโอนเงิน
ทั้งนี้ ยังผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีทางการเงิน เช่น การนำ blockchain มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการโอนเงิน ขณะที่ในช่วงต่อไป ธปท.จะเร่งขับเคลื่อน คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการทำธุรกรรมการค้าและการชำระเงิน ของธุรกิจแบบดิจิทัลที่ครบวงจร หรือที่เรียกว่าโครงการ PromptBiz หรือพร้อมเพย์ของภาคธุรกิจ เพื่อให้สามารถลดเอกสาร ลดเวลา ลดต้นทุน และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทั้งการชำระเงินในประเทศ และระหว่างประเทศได้มากขึ้น
ขยายการชำระเงินดิจิทัล-ปรับระบบการโอนเงิน ช่วยนักช้อปออนไลน์
นายรณดล กล่าวต่อว่า ในยุคดิจิทัลจะมีความเสี่ยงใหม่ๆ ทำให้ต้องพัฒนาเครื่องมือและ บุคลากรด้านการกำกับดูแลให้มีทักษะความรู้อย่างเพียงพอ รวมทั้งสร้างความร่วมมือให้เตรียมพร้อมรองรับภัยไซเบอร์ โดย ธปท.ตั้งผลสัมฤทธิ์ของทิศทางการชำระเงินฉบับนี้ ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายความสำเร็จให้ท้าท้ายมากขึ้น
โดยจะขยายการใช้การชำระเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าเป็น 800 ครั้งต่อคนต่อปีใน 3 ปีข้างหน้า ควบคู่กับการลดการใช้เงินสดและเช็ค
ในส่วนการพัฒนาระบบการโอนเงินดิจิทัลในอนาคตนั้น มีแนวคิดที่จะสร้างระบบการสั่งจ่ายเงินที่สามารถกำหนดเวลาโอนได้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ โดยจะมีคำสั่งให้โอนเงินไปรอจ่าย แต่เงินจะยังไม่เข้าทันที และเมื่อลูกค้าได้รับสินค้าแล้วจึงกดปุ่มโอน เงินจึงจะเข้าบัญชีได้
อย้างไรก็ตาม แนวทางนี้จะต้องใช้เวลาอีกระยะ และต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘มหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร’ ครั้งที่ 1 ออมสินประเดิมเป็นเจ้าภาพ ผนึกกำลังแบงก์รัฐ ช่วยแก้หนี้ 4-6 พ.ย. นี้
- ‘มหกรรมร่วมใจแก้หนี้’ ออมสินจัด 2 พันล้าน ‘สินเชื่อแก้หนี้’ รายละไม่เกิน 2 หมื่น
- เช็กเลย! ลงทะเบียน ‘แก้หนี้ออนไลน์’ ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ ต้องทำอย่างไร?