Finance

‘กสิกรไทย’ แบงก์เดียวในไทย เดินหน้า ‘UN PRB’ ปี 3 ทำธุรกิจยั่งยืน

“กสิกรไทย” เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจบน “หลักการธนาคารที่รับผิดชอบ ของสหประชาชาติ” ที่กำลังเข้าสู่ปีที่ 3 ร่วมกับธนาคารกว่า 240 แห่ง สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ที่ยั่งยืนให้โลก

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกธุรกิจ ทุกองค์กรและทุกคนบนโลก ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อช่วยบรรเทา และลดปัญหาที่นำไปสู่การแปรปรวนของภูมิอากาศโลก หรือ ภาวะโลกรวน

ดังนั้น ธนาคารกสิกรไทย  จึงได้ร่วมกับธนาคารกว่า 240 แห่ง ใน 69 ประเทศ มีสินทรัพย์รวมคิดเป็น 40% ของมูลค่าสินทรัพย์ธุรกิจธนาคารทั่วโลก ที่ได้ลงนามใน “หลักการธนาคารที่รับผิดชอบแห่งสหประชาชาติ” (UN PRB)  ของสำนักงานโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติว่าด้วยข้อริเริ่มด้านการเงิน (UNEP FI) ซึ่งเปิดตัวโครงการเมื่อเดือนกันยายน 2562 และธนาคารลงนามรับหลักการในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยในปีนี้โครงการ UN PRB กำลังเดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 3 อย่างเข้มข้น

กสิกรไทย

กสิกรไทย แบงก์พาณิชย์ไทยแห่งแรก และแห่งเดียว ลงนามใน UN PRB ต่อเนื่อง

บทบาทที่ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์สัญชาติไทยแห่งแรก และแห่งเดียว ที่ลงนามใน UN PRB  มาอย่างต่อเนื่อง และสอดคล้องกับ UN PRB คือ การดำเนินธุรกิจบนหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืน แม้ต้องเจอกับความท้าทาย จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ควบคู่ไปกับการดูแลลูกค้า ให้ผ่านพ้นวิกฤติ และสามารถเดินหน้าในการทำธุรกิจ และดำเนินชีวิตต่อไปได้ในภาวะปกติใหม่ (New Normal)

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนลูกค้าให้เปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ หรือมุ่งสู่ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยในการดำเนินงานทั้งหมดนี้ ธนาคารสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายมาอย่างต่อเนื่อง และสื่อสารด้วยความโปร่งใส

ธนาคารกสิกรไทย ยังร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับธนาคารอื่น ๆ ที่ลงนาม UN PRB จากทั่วโลก ทั้งยังนำเครื่องมือของ UNEP FI วิเคราะห์พอร์ตสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ และกำหนดเป้าหมาย การดำเนินธุรกิจที่ตอบสนองวาระด้านความยั่งยืนของโลก เรื่องลดผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Reducing the Impact of Climate Change)

กสิกรไทย

ได้แก่ ส่งเสริมธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการปล่อยสินเชื่อพลังงานทดแทนให้ได้ 15% ของส่วนแบ่งการตลาดด้านกำลังการผลิต (เมกะวัตต์) และการปล่อยกู้อาคารประหยัดพลังงานให้ได้ 10% ของพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ ภายในปี 2568 และละเว้นการสนับสนุนสินเชื่อให้แก่โรงไฟฟ้าถ่านหินที่เกิดใหม่ ยกเว้นโรงไฟฟ้ามีการเปลี่ยนรูปแบบพลังงานเป็นแหล่งพลังงานคาร์บอนต่ำ และทยอยลดเงินกู้ปัจจุบันในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีอยู่แล้วให้เป็นศูนย์ภายในปี 2573 เพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายธนาคารในการสร้าง “สังคมคาร์บอนเป็นศูนย์”

นางสาวขัตติยา กล่าวด้วยว่า ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธนาคารบรรลุเป้าหมายความยั่งยืน ในวาระเร่งด่วนเรื่องลดผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือ การสร้างความพร้อมของบุคลากร หล่อหลอมในกระบวนการทำงานจนเกิดเป็น กรีน ดีเอ็นเอ

ควบคู่กับการวางโครงสร้างด้านฐานข้อมูล ESG ที่จะวิเคราะห์สถานะของธุรกิจธนาคารในมิติความยั่งยืนได้แม่นยำ ทำให้ตั้งเป้าหมาย และสร้างผลลัพธ์ได้ตรงจุด เป็นแบบอย่างองค์กรที่ดีมีธรรมาภิบาล รวมทั้งการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้ เพื่อร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก บรรเทาภาวะโลกรวน และส่งมอบโลกที่สมดุลและยั่งยืนให้แก่คนรุ่นต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo