Finance

ก.ล.ต.ฟันกรรมการ’POLAR’พร้อมพวก11รายสร้างหนี้เทียม

โพลาริส แคปปิตัล1

 

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษคณะกรรมการบริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) (POLAR) กับพวกรวม 11 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีร่วมกันสร้างหนี้เทียมจำนวนประมาณ 3.6 พันล้านบาท เพื่อให้ POLAR เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ รวมทั้งลงข้อความเท็จในบัญชีหรือเอกสารที่เกี่ยวกับ POLAR พยายามเบียดบังเอาทรัพย์สินของ POLAR เป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต และพยายามแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นซึ่งทำให้ POLAR เสียหาย

โดยบุคคลที่ถูกกล่าวโทษในครั้งนี้ ประกอบด้วยกรรมการ POLAR 5 ราย ได้แก่ 1.นายญาณกร วรากุลรักษ์ 2.นายพูนศักดิ์ ชุมช่วย 3.นายอาสา นินนาท 4.นายฐากร ทวีศรี และ 5.นายดนุช บุนนาค รวมทั้งบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นอีก 6 ราย ได้แก่ 6.บริษัท ซิมบา อินเตอร์ จำกัด (7) นายอัครเดช วัฒนะ (8) นายธัญพงศ์ ลิ้มวงศ์ยุติ (9) บริษัท ยูไนเต็ด เทรดดิ้ง กรุ๊ป จำกัด 10.นายอภิรักษ์ จูตระกูล และ 11.นายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย

สืบเนื่องจาก ก.ล.ต. มีข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของกรรมการ POLAR ในไตรมาส 2 ปี 2560 ประกอบกับมีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการดำเนินการของ POLAR จำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดทำให้ ก.ล.ต. สรุปได้ว่า บุคคลทั้ง 11 ราย ได้ร่วมกันดำเนินการ หรือมีส่วนรู้เห็นยินยอมและสนับสนุนการกระทำผิดในช่วงปี 2560 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

คณะกรรมการบริษัท POLAR แกล้งให้ POLAR เป็นหนี้จำนวนประมาณ 3.6 พันล้านบาท ทั้งที่ไม่เป็นความจริง โดยให้บุคคลภายนอกนำมูลหนี้ที่ไม่เป็นความจริงมาฟ้องเรียกค่าเสียหายมูลค่าสูง เพื่อลวงให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่า POLAR มีหนี้สินเพิ่มขึ้นมากในระยะเวลาอันสั้น จนเข้าข้อสันนิษฐานของการมีหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นเหตุในการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการและล้มละลาย ซึ่งท้ายที่สุด จะส่งผลให้เจ้าหนี้ที่แท้จริงของ POLAR ไม่ได้รับชำระหนี้ การกระทำดังกล่าว จึงเข้าข่ายเป็นความผิดฐานกระทำการไม่ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้

การแกล้งให้ POLAR เป็นหนี้ทั้งที่ไม่เป็นความจริงข้างต้น ทำให้บุคคลภายนอกที่นำมูลหนี้ซึ่งไม่เป็นความจริงมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก POLAR สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายที่ POLAR ถูกศาลล้มละลายกลางสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วได้ การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการพยายามเบียดบังเอาทรัพย์ของ POLAR เพื่อประโยชน์ของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต และเป็นการพยายามแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่น ทำให้ POLAR เสียหาย

การที่คณะกรรมการบริษัท POLAR จัดประชุมกรรมการบริษัท เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ POLAR ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการโดยอ้างว่าบริษัทมีหนี้สินล้นพ้นตัวจากหนี้ทั้งที่ไม่เป็นความจริง และการที่ POLAR ชี้แจงข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการที่ระบุว่าบริษัทมีหนี้สินล้นพ้นตัว

รวมถึงการที่ POLAR ยื่นคำให้การในคดีล้มละลายโดยยอมรับตามคำฟ้องของนายกำแหงทุกประการว่า POLAR ผิดสัญญาซื้อขายหุ้นต้องคืนเงินค่าหุ้นให้นายกำแหง 105 ล้านบาท เป็นการกระทำหรือยินยอมให้ลงข้อความเท็จในเอกสารของ POLAR หรือที่เกี่ยวกับ POLAR เพื่อลวงบุคคลทั่วไปรวมทั้งผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของ POLAR

ทั้งนี้ การกระทำตามรายละเอียดข้างต้น เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 310 และมาตรา 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และมาตรา 308 และมาตรา 311 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 80 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้ ก.ล.ต. ต้องดำเนินการกล่าวโทษผู้กระทำผิดต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยการกระทำผิดแต่ละกรณีอาจต้องระวางโทษอาญาโดยจำคุกตั้งแต่ห้าถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนถึงหนึ่งล้านบาท

นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าว ยังมีผลให้บุคคลที่ถูกกล่าวโทษเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจให้เป็นกรรมการหรือผู้บริหาร และไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี ซึ่งในกรณีนี้เป็นผลให้กรรมการ POLAR ทั้งคณะจำนวน 5 ราย ได้แก่ นายญาณกร นายพูนศักดิ์ นายอาสา นายฐากร และนายดนุช ไม่สามารถเป็นกรรมการ POLAR ต่อไปได้ อย่างไรก็ดี กรณีดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการ POLAR เนื่องจากปัจจุบันอำนาจในการบริหารจัดการ POLAR ตกเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามที่ศาลล้มละลายกลางพิพากษาให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด POLAR

อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรมตามลำดับ

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK