Finance

คาดหุ้นสัปดาห์นี้ผันผวนแกว่งกรอบ 1,650-1,730 จุด

“บล.เคทีบี” ประเมินดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,650 – 1,730 จุด แนะลุยหุ้นกลุ่มพื้นฐานแกร่ง – กลุ่มรับปัจจัยบวกเลือกตั้ง

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (5 – 9 พ.ย.) ว่า ตลาดให้ความสนใจต่อการเจรจาการค้ารอบใหม่ของสหรัฐ-จีน ถือเป็นปัจจัยหนุนตลาดในช่วงสั้นๆ แม้จะมีข่าวว่า ประธานาธิบดีสหรัฐปฎิเสธเรื่องการเตรียมทำข้อตกลงการค้ากับจีน แต่คาดว่ายังมีแนวโน้มที่จะนำเสนอต่อผู้นำจีนเพื่อทำข้อตกลงในลักษณะเดียวกันกับที่ทำกับเม็กซิโกและแคนาดา (USMCA) ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน (30 พ.ย.-1 ธ.ค.) นับเป็นสัญญาณว่าสหรัฐพยายามที่จะต่อรองครั้งสุดท้าย ก่อนประกาศใช้มาตรการภาษีกับจีนจำนวน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ หากเจรจาล้มเหลว

set25 1

ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องติดตามคือการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจประเทศต่างๆ ที่มีการอ้างอิงผลกระทบจากสงครามการค้า โดยเฉพาะสหรัฐจะมีการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐในวันที่ 9 พฤศจิกายนตัวเลขนี้เป็นที่จับตาดูเพราะในเดือนที่ผ่านมาดัชนี Dow Jones ปรับตัวร่วงลงแรงเพราะตัวเลขนี้ลดลง รวมไปถึงตัวเลขการส่งออกของจีนที่จะรายงานออกมาในวันที่ 8 พฤศจิกายนหากออกมาดีจะเป็นบวก และการรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยในวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ชะลอตัวลงในเดือนก่อน ส่วนการประชุม FOMC ของสหรัฐ ในวันที่ 9 พฤศจิกายนไม่น่ามีผลต่อตลาดเพราะ Fed ได้กล่าวนำไว้ก่อนแล้วว่า จะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งเดือนธันวาคมซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ปรับตัวขึ้น

ส่วนปัจจัยในประเทศ เรื่องของการเลือกตั้งและการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นตัวแปรหลักของไทย ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้น โดยที่การประมูลโครงการคมนาคม และการอัดฉีดเงินเข้าระบบเป็นบวกต่อกลุ่มรากหญ้าผ่านโครงการประชารัฐฯ รวมถึงสนับสนุนการลงทุนในเขตเศรษฐกิจอีอีซี ซึ่งเป็นบวกต่อทั้งตลาดและมีผลบวกต่อกลุ่มนิคมฯ , รับเหมาฯ และค้าปลีก เป็นต้น

ตลาดหุ้น

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนสัปดาห์นี้ ประเมินกรอบดัชนีเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,650-1,730 จุด โดยมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 1,700 จุด ในช่วงสั้นๆ จากปัจจัยบวกคือการที่สหรัฐเตรียมเจรจารอบใหม่กับจีนปลายเดือนนี้ รวมถึงทิศทางการเมืองของไทยที่ส่งผลบวกให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเข้ามาเก็งกำไรก่อนประกาศงบไตรมาส 3 ช่วงสองสัปดาห์สุดท้าย ดังนั้นการเคลื่อนไหวของดัชนีจะมีความผันผวนไปตามข่าวรายวัน โดยเฉพาะประเด็นข่าวการค้าสหรัฐ-จีน และผลเลือกตั้งสหรัฐทำให้อาจเกิดมีแรงขายทำกำไรเข้ามาในช่วงสั้นในหุ้นกลุ่มที่ยังไม่มั่นใจในทิศทางตลาดหุ้น

set30

อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงสั้นจะมีความผันผวนแต่ด้วยปัจจัยในประเทศที่กลับมาหนุนตลาด จึงเป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแรงมากกว่าตัวอื่นหรือหุ้นที่เคลื่อนไหวไปตามทิศทางตลาด ได้แก่ PTTGC, BDMS, CPN รวมไปถึงหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลบวกจากเรื่องการเลือกตั้งได้แก่ CK , CPALL , CENTEL ขณะที่กลุ่มที่คาดว่างบไตรมาส 3 จะออกมาดีได้แก่ TPIPP, GUNKUL , UTP และกลุ่มที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงเช่น KKP และ QH

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK