รมว.คลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 (ประเทศสมาชิกอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ได้ลงนามในความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation: CMIM) ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า CMIM ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2564 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกลไกการให้ความช่วยเหลือทางการเงินระหว่างประเทศสมาชิกในภูมิภาคอาเซียน+3
ความตกลงฉบับนี้ มีสาระสำคัญประกอบด้วย
1. การเพิ่มสัดส่วนเงินช่วยเหลือที่สมาชิกจะให้ความช่วยเหลือระหว่างกันโดยไม่เชื่อมโยงกับความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) จากเดิมร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 40 ของวงเงินความช่วยเหลือสูงสุดที่จะได้รับ
2. การยินยอมให้สามารถเลือกสมทบหรือขอรับความช่วยเหลือภายใต้กลไก CMIM เป็นเงินสกุลท้องถิ่นตามหลักความสมัครใจ และภายใต้วงเงินรวมคงเดิมที่ 240 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
3. การแก้ไขประเด็นทางเทคนิคต่าง ๆ รวมถึงการยกเลิกการใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงกรุงลอนดอน (London Interbank Offered Rate: LIBOR) เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
การแก้ไขความตกลงในครั้งนี้ เป็นการเสริมสร้างให้ CMIM ซึ่งเป็นกลไกให้ความช่วยเหลือที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน+3 มีประสิทธิภาพและความพร้อมในการดำเนินการอันเป็นประโยชน์กับประเทศไทยและสมาชิกเพิ่มขึ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม:
- อาเซียนบวก3ประกาศเพิ่มสัมพันธ์ศก.-ต่อสู้ปกป้องการค้า
- ‘อาเซียนบวกสาม’ พร้อมร่วมมือสู้ ‘โควิด’ ใช้กลไกที่มีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
- ‘นายกฯ’ ย้ำความสำคัญอาเซียนบวกสาม-เศรษฐกิจยั่งยืน