Finance

ตลาดหุ้นคึก!! บจ.เดินหน้าแตกพาร์

ตลาดหุ้นคึก!! บริษัทจดทะเบียนเดินหน้าแตกพาร์ หวังอานิสงส์ดันราคาวิ่งเกิน 10%

ptt

 

ประเดิมต้นปี 2561 ตลาดหุ้นไทยคึกคัก ขณะที่มูลค่าการซื้อขายโดยรวมปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และในเดือนเมษายนของทุกปีจะเป็นฤดูกาลของการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ดังนั้น “บริษัทจดทะเบียน” จึงมีการนำเสนอวาระการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ หรือ พาร์ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2561

ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนที่มีการขอปรับลดราคาพาร์ประกอบด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT โดย คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (PAR) จาก 10 บาท เหลือ 1 บาท ซึ่งกำหนดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 เมษายน 2561

บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ จากเดิมมูลค่าหุ้นละ 1 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ถือหุ้น ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 26 เมษายน 2561

บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) เหลือหุ้นละ 0.50 บาท จากเดิมหุ้นละ 1 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องหมุนเวียนในการซื้อขายหลักทรัพย์ฯ หลังจากในช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนสถาบัน กองทุน และนักลงทุนทั่วไป สนใจเข้ามาลงทุนในหุ้น SGP เป็นจำนวนมาก แต่มีข้อจำกัด ในเรื่องของสภาพคล่อง ทำให้จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงพาร์ใหม่ โดยจะมีการประชุมในวันที่ 27 เมษายน 2561

บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) หรือ COL เดิมชื่อบริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด(มหาชน)หรือ OFM คณะกรรมการ มีมติเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (PAR) จากเดิม 1 บาท ลดลงเป็น 0.50 บาท เพื่อเพิ่มการกระจายการถือหุ้นไปยังผู้ลงทุนในวงกว้างและเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ได้มีผลตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หากพิจารณาราคาหุ้นของบริษัทที่มีแผนจะแตกพาร์ พบว่าราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่มีหุ้นบางตัวที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากถูกปัจจัยแวดล้อมอื่นกดดัน สำหรับหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงมากสุด คือ หุ้น PTT

กราฟปตท.

โดยการเคลื่อนไหวราคาหุ้น PTT ไตรมาสแรกปีนี้ พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น 25.45% จากราคา 440 บาทมาอยู่ที่ 552 บาท

กราฟSGP
รองลงมาเป็นหุ้น SGP ปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.34% จากราคา 24.30 บาทปรับขึ้นมาอยู่ที่ 29 บาท

กราฟKCE
ขณะที่หุ้น KCE ปรับตัวลดลง 18.73% จากราคา 82.75 บาท เหลือ 67.25 บาท และหุ้น COL ลดลง 19.12% จากราคา 68 บาทเหลือ 55 บาท

บล.เอเซียพลัส ได้ออกบทวิจัยเรื่อง “สำรวจหุ้นแตกพาร์ ราคาวิ่งแค่ไหน” ซึ่งหลังการประกาศแตกพาร์ของ บริษัท ปตท. ไม่ได้มีผลทำให้ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยน แต่ทุกครั้งที่บริษัทไหนประกาศแตกพาร์ ราคาหุ้นจะวิ่งกัน เป็นเพราะผลบวกด้านจิตวิทยา

โดยบริษัทที่แตกพาร์ ส่วนใหญ่ราคาหุ้นจะสูงแล้ว ดังนั้นการเข้าซื้อลงทุนแต่ละครั้งต้องใช้เงินจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้นักลงทุนรายย่อยจึงไม่สามารถลงทุนได้ ผลที่ตามมาคือ สัดส่วนการถือหุ้นของรายย่อยต่ำ อย่างเช่น หุ้น PTT ขณะนี้มีรายย่อยถืออยู่เพียง 4% นับว่าน้อยมาก

เมื่อแตกพาร์จาก 10 บาท เป็น 1 บาท ราคาหุ้นที่เคยสูงเป็นระดับหลายร้อยบาทต่อหุ้น จะลดลงมาอยู่หลักหลายสิบบาทต่อหุ้น เท่ากับนักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนได้สะดวกขึ้น สภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นก็มีมากขึ้น

สำหรับบริษัทที่ประกาศแตกพาร์ ฝ่ายวิจัย ASP ได้ทำการวิเคราะห์เชิงปริมาณพบว่า จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี หุ้นในดัชนี SET100 ทั้งหมด ที่มีการแตกพาร์ ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นปรับขึ้น นับตั้งแต่วันประกาศแตกพาร์จนถึงวันที่มีผลแตกพาร์เสมอ

โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเฉลี่ยสูงถึง 14.09% ด้วยโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 75% ขณะที่หลังแตกพาร์แล้ว ราคาหุ้นส่วนใหญ่จะเริ่มทรงตัว

ตัวอย่างเช่นหุ้น BANPU ที่แตกพาร์จาก 10 บาท เป็น 1 บาท คณะกรรมการบริษัทมีมติให้แตกพาร์ วันที่ 31 กรกฎาคม 2556 และวันที่มีผลแตกพาร์ วันที่ 26 กันยายน 2556 ราคาหุ้น BANPU ช่วงตั้งแต่ประกาศแตกพาร์ จนถึงวันที่มีผลแตกพาร์ รวม 57 วัน ปรับขึ้นถึง 29%

หุ้น AOT แตกพาร์จาก 10 บาท เป็น 1 บาท คณะกรรมการบริษัทมีมติให้แตกพาร์วันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 และวันที่มีผลแตกพาร์วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 ราคาหุ้น AOT ช่วงตั้งแต่ประกาศแตกพาร์ จนถึงวันที่มีผลแตกพาร์ รวม 72 วัน ปรับขึ้น 3% เป็นต้น

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนหุ้นแตกพาร์ ก็คือ ซื้อเมื่อประกาศแตกพาร์ และขายล่วงหน้า 1 วันก่อนวันมีผลแตกพาร์

ภรณี ทองเย็น รองผู้อำนวยการ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัสให้ความเห็นว่า การที่หุ้นแตกพาร์ไม่ได้ทำให้พื้นฐานเปลี่ยนแปลง และหุ้น PTT ได้รับอานิสงส์ไปหมดแล้ว โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมายืนระดับ 540 บาท ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสมแล้ว ดังนั้น จากนี้ไปเชื่อว่าหุ้น PTT จะผูกติดกับทิศทางของราคาน้ำมันในตลาดโลกมากกว่า

“แนวโน้มราคาหุ้นปตท.จากนี้ไปน่าจะทรงตัวและแกว่งในทิศทางขาลงมากกว่า เพราะราคาหุ้นปรับขึ้นมามากแล้วและสะท้อนกับการแตกพาร์ไปแล้ว”

นักวิเคราะห์บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินว่า เมื่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทปตท.ไฟเขียวให้แตกพาร์ เชื่อว่าราคาหุ้นปตท.จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอีกประมาณ 1 เดือนหลังจากนั้นก็จะอ่อนตัวลงมาเพื่อปรับเข้าหาราคาที่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทจดทะเบียนจะประกาศผลประกอบการงวดไตรมาสแรกของปีนี้

“ฝ่ายวิจัยคาดว่าไตรมาส 1 ปี 2561 บริษัทปตท.จะประกาศกำไรเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อน โดยได้รับผลดีจากราคาน้ำมันดิบไตรมาสแรกปรับตัวเพิ่มขึ้นมายืนระดับ 63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้คาดว่าทั้งปีจะอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 60-65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่บริษัทลูกในกลุ่มปิโตรเลี่ยมจะเป็นตัวที่จะผลักดันให้กำไรเติบโต”

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight