สมาคมค้าทองคำ รายงาน ราคาทองวันนี้ 3 ก.พ. 2564 ร่วงลง 100 บาท จากราคาปิดเมื่อวานนี้ (2 ก.พ.)
ราคาทองวันนี้ 3 ก.พ. ล่าสุด ทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ มีราคารับซื้อ อยู่ที่บาทละ 26,100 บาท ขายออกที่ ราคาบาทละ26,200 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณ 96.5% รับซื้ออยู่ที่ ราคาบาทละ 25,635.56 บาท และขายออก ที่บาทละ 26,700 บาท
ขณะที่ ราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot ล่าสุดอยู่ที่ 1,844 ดอลลาร์ ต่อออนซ์
ราคาทองคํา Spot ปรับลดลงแรง ตามทิศทางราคาโลหะเงินที่ทรุดตัวลงกว่า 10% หลังจาก CME ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาฟิวเจอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศขึ้นอัตรา Maintenance margin เพื่อสกัดการปั่นราคา ทองไทยเปิดตลาดร่วงตามวันที่ 2
CME ประกาศปรับอัตรา maintenance margin เพิ่มขึ้น 17.9% สำหรับสัญญา Comex 5000 Silver Futures เพื่อสกัดการปั่นราคาของกลุ่มนักลงทุนรายย่อยในตลาด
ทั้งนี้ สัญญาโลหะเงินพุ่งขึ้นกว่า 11% ทะยานขึ้นเหนือระดับ 30 ดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 ก.พ.) จากการที่กลุ่มนักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ได้หันเข้าปั่นราคาโลหะเงินเพื่อกดดันให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ เข้าซื้อคืนสัญญาเพื่อตัดขาดทุน หลังจากที่ได้ขายชอร์ตก่อนหน้านี้ โดยเก็งว่าราคาโลหะเงินมีแนวโน้มในช่วงขาลงต่อไป
รายงานเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐในคืนวันนี้ ติดตามการประกาศตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนมกราคม ตัวเลขคาดการณ์จะเพิ่มขึ้น 48,000 ตำแหน่ง จากเดือนธันวาคม ที่ลดลง 123,000 ตำแหน่ง ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมกราคม ตัวเลขคาดการณ์จะลดลงสู่ระดับ 56.7 จากเดือนธันวาคม ที่ระดับ 57.2
ประกาศราคาทองคำในประเทศเปิดตลาดร่วง 100 บาท ตามทองคำตลาดโลก แตะระดับต่ำสุดใหม่ของเดือน
เข้าสู่เดือนกุมภาพันธุ์ เพียง 2 วัน ราคาทองผันผวนขึ้นลงค่อนข้างมาก โดยวันที่ 1 ปรับตัวขึ้นแรง 250 บาท ส่วนวันที่ 2 ร่วงกลับ 150 บาท วันนี้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ที่มีการคาดการณ์ว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม 0.50% และการแถลงแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยในปีนี้
ฮั่วเซ่งเฮง วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น โดยจะมีแนวต้านแรกที่บริเวณ 1,850 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อน 200 วัน และหากผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,865 ดอลลาร์
ในขณะที่แนวรับ 1,835 ดอลลาร์ จะเป็นแนวรับแรก และหากหลุดแนวรับดังกล่าวจะมีแนวรับถัดไปบริเวณ 1,830 ดอลลาร์
บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ระบุว่า ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 22.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย ได้แก่
1. การดิ่งลงของโลหะเงิน หลังจาก Chicago Mercantile Exchange (CME) ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาฟิวเจอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศขึ้นอัตราเงินวางหลักประกันอีก 18% ในการซื้อขาย Silver futures เป็น 16,500 ดอลลาร์/สัญญาจาก 14,000 ดอลลาร์/สัญญา
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้โลหะเงินดิ่งลงกว่า 8% จากราคาปิดวันจันทร์และดิ่งลงมากถึง 11% จาก High ในรอบ 8 ปี ที่โลหะเงินขึ้นไปทดสอบในวันจันทร์ จนกระตุ้นแรงขายในตลาดทองคำตามออกมา
2. การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ จากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นเร็วกว่ายุโรป หลังความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
รวมทั้งความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน COVID-19 ในสหรัฐ สวนทางกับความล่าช้าในการฉีดวัคซีน COVID-19 ในยุโรป และการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป
3. ความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนต้าน COVID-19 หลังจาก The Lancet รายงานว่า วัคซีน Sputnik V ของรัสเซียมีประสิทธิภาพ 91.6% ในการป้องกันไวรัส COVID-19 ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้เกิดแรงเทขายในตลาดทองคำ จนกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงแรงกว่า 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์จนแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,829.61 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับวันนี้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยคาดกนง. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ตามเดิม รวมถึงติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค. จาก ADP และ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการจากมาร์กิตและ ISM
คำแนะนำ นักลงทุนสามารถปิดสถานะทำกำไรหากราคาไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,850-1,856 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอเข้าซื้อใหม่บริเวณแนวรับ แต่หากราคาปรับลงแรงหลุดแนวรับบริเวณ 1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนควรปรับลดการถือสถานะซื้อลง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- วายแอลจี เผยสาเหตุทองร่วงแรง! พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนระยะสั้น
- จับตาธนาคารกลาง เทขายทองคำ สัญญาณสิ้นสุดราคาทองขาขึ้น
- ราคาทองวันนี้ 12 ม.ค. แนะเก็งกำไรระยะสั้น รูปพรรณขายออก 26,900 บาท