สภาพัฒน์ฯ ชงขึ้น ‘ภาษี VAT 10%’ แบ่ง 3% มาเป็นเงินออม ‘หลักประกันวัยเกษียณ’ รองรับสังคมสูงวัย

โดย NAPAPORN PANITCHART 27 สิงหาคม 2566

สภาพัฒน์ฯ ชงขึ้น “ภาษี VAT 10%” แบ่ง 3% มาเป็นเงินออม “หลักประกันวัยเกษียณ” รองรับสังคมสูงวัย หลังพบคนไทยเกษียณยังต้องทำงาน และมีรายได้ต่ำกว่าเส้นยากจน

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ร่วมกับกองทุนประชากรแห่งประเทศไทย ได้จัดเสวนา “ข้ามรุ่น อนาคตประเทศไทย” โดยนางสาววรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ประเทศไทยก้าวสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ และมีแนวโน้มผู้สูงวัยเพิ่มขึ้น

ปี 66 มีผู้สูงอายุ 13.5 ล้านคน คิดเป็น 20% ของประชากรทั้งประเทศ ส่วนอีก 10 ปีข้างหน้า หรือปี 76 จะเป็นสังคมผู้สูงอายุแบบสุดยอด มีผู้สูงอายุ 18.38 ล้านคน หรือ 28% ของประชากรทั้งหมด จากนั้นปี 83 ผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็น 20.51 ล้านคน หรือ 31.37% ของประชากรทั้งหมด เท่ากับว่าประชากรสูงอายุจะคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ

เกษียณยังต้องทำงาน และมีรายได้ต่ำกว่าเส้นยากจน

จากข้อมูลการสำรวจรายได้ผู้สูงอายุพบว่าผู้สูงอายุของไทยจำนวนมาก มีรายได้ต่ำกว่ารายจ่าย และรายได้ต่ำกว่าเส้นยากจน โดยพบว่า 34% หรือประมาณ 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุที่เข้าอยู่วัยเกษียณยังคงทำงานอยู่ แต่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน

โดยผู้สูงอายุกว่า 78.3% มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อปี ทำให้ยังต้องพึ่งพารายได้จากแหล่งอื่น ส่วนใหญ่มาจากการทำงาน 32.4% เงินจากบุตร 32.2% และเบี้ยยังชีพ 19.2% ขณะที่ผู้สูงอายประมาณ 41.4% มีเงินออมต่ำกว่า 50,000 บาท

ยกเว้น ข้าราชการเท่านั้นที่เกษียณแล้วมีรายได้จากเงินบำนาญชัดเจนไม่ต่ำกว่า 40% ของรายได้เดือนสุดท้ายที่ได้รับ ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ที่ออมเงินอยู่ในช่องทางอื่น เช่น ประกันสังคม หรือกองทุนการออมแห่งชาติ มีไม่เพียงพอที่จะใช้จ่ายในวัยเกษียณ

เรื่องการออมสำหรับวัยสูงอายุให้มีรายได้สำหรับการใช้จ่าย ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญและเป็นความท้าทายของสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทย ที่ต้องมีการวางแผนรองรับ

เสนอขึ้นภาษี VAT 10% นำมาเป็นเงินออมวัยเกษียณ

ทั้งนี้ มีการนำเสนอรูปแบบการออมสำหรับผู้สูงอายุหลายรูปแบบ โดยรูปแบบที่มีการเสนอผ่านคณะกรรมการปฏิรูปสังคม และสศช.เห็นว่าเป็นแนวทางที่ดี คือการปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จาก 7% เป็น 10% โดยส่วนที่ปรับขึ้น 3% รัฐอาจออกกฎหมายเฉพาะให้ส่วนนี้มาเป็นเงินออมของประชาชนเพื่อใช้วัยเกษียณ

การนำภาษีที่ปรับขึ้นมาสำหรับทำระบบเงินออมเพื่อให้มีเงินใช้ในวัยเกษียณ ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดี และเชื่อว่าจะทำความเข้าใจให้ประชาชนยอมรับได้ เพราะทำให้มีหลักประกันวัยเกษียณ และรัฐก็มีแหล่งรายได้ที่ชัดเจน นำมาจัดสวัสดิการให้ประชาชนสูงวัยในอนาคต ที่มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ