ธนาคารกรุงเทพ แนะ 5 เคล็ด(ไม่)ลับ ลดเสี่ยงภัยไซเบอร์ เพิ่มความระมัดระวังช่วงเทศกาลปีใหม่ เงินสะพัด-ปริมาณธุรกรรมสูงกว่าปกติ
ธนาคารกรุงเทพ แนะ 5 แนวทาง ใช้ดิจิทัลแบงก์กิ้งอย่างสบายใจ สกัดภัยไซเบอร์ ยึดหลัก ช้าแต่ชัวร์ อย่ารีบตัดสินใจ เสี่ยงตกเป็นเหยื่อ ชี้มิจฉาชีพหันโจมตีจุดอ่อนเรื่องพฤติกรรม-ประมาท ย้ำเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ เหตุเงินสะพัด-ปริมาณธุรกรรมสูงกว่าปกติ
นายกิตติ โฆษะวิสุทธิ์ ผู้จัดการจัดการความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคเลือกใช้บริการด้านการเงินผ่านช่องทางออนไลน์ และดิจิทัล เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ต้องการทำธุรกรรมได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และลดการใช้เงินสด
ทั้งนี้ ธนาคารได้มุ่งมั่นพัฒนาบริการต่างๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานดังกล่าว รวมถึงการให้ความมั่นใจแก่ลูกค้าในด้านความปลอดภัย สำหรับการทำธุรกรรม บนหลักการที่เป็นมาตรฐานสากล
อย่างไรก็ตาม ธนาคารพบว่า ภัยทางไซเบอร์ที่พบค่อนข้างมากช่วงที่ผ่านมา จะพบได้บ่อยใน 5 รูปแบบ ได้แก่
1. การชักจูงเพื่อให้เปิดเผยข้อมูลด้วยฟิชชิงอีเมลหรือ SMSที่มักมีลิงก์ให้กรอกข้อมูล
2. การหลอกล่อให้ทำตามที่ต้องการ เช่น การดาวน์โหลดโปรแกรม
3. การเข้าถึงเครื่องที่ใช้งานทางช่องโหว่
4. แอบอ้างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเร่งรับบังคับให้ทำตาม
5. ส่งเอกสารที่มีมัลแวร์มากับเมล
5 แนวทางช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรม
- ต้องมั่นใจว่าอัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันปัจจุบันอยู่เสมอ
- ติดตั้งเครื่องมือป้องกันภัยคุกคาม เช่น โปรแกรมป้องกันไวรัส
- ไม่ติดตั้งซอฟต์แวร์จากลิงค์ที่แนบมากับเมลหรือ SMS
- ไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล รหัส OTP หรือรหัสผ่านแก่ผู้อื่น
- เพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมทุกขั้นตอน
ปัจจุบันพบว่าแฮกเกอร์ มุ่งเน้นการโจรกรรมไปยังผู้ใช้งานโดยตรง เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้งานเทคโนโลยีในชีวิตประจำมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีความรู้ ประสบการณ์และความระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้งานแตกต่างกัน ซึ่งแฮกเกอร์จะอาศัยช่องโหว่หรือจุดอ่อนของพฤติกรรมผู้ใช้งานในการโจมตี
รู้เท่าทันเทคนิคโน้มน้าวของแฮกเกอร์
- ใช้ความเร่งด่วนของเหตุการณ์ มากระตุ้นให้รีบตัดสินใจ เช่น การทำรายการในเวลาที่กำหนด มีเหตุฉุกเฉินที่ต้องทำรายการเลยทันที
- หลอกลวงให้เชื่อและชักจูงให้ไขว้เขวตาม เช่น การกรอกข้อมูล ซึ่งปกติใช้เพียง User name และ Password แต่หลอกลวงหรือชักจูงว่าต้องการข้อมูลมากกว่านั้น
- ทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ และหว่านล้อมให้หลงเชื่อคำหลอกลวง อาทิ บุตรหลานประสบเหตุ ต้องใช้เงินเป็นค่ารักษาพยาบาลโดยด่วน
- อ้างถึงองค์กรผู้มีอำนาจ เช่น กรมสรรพากร เรียกเก็บภาษี หรือ ใบเรียกเก็บค่าปรับจราจร เป็นต้น
สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้งานควรเพิ่มความใส่ใจ คือ การวิเคราะห์และเข้าใจในตัวเองว่า เราเป็นคนแบบไหน มีพฤติกรรมแบบใด เช่น เมื่อได้รับข้อความจากกลุ่มเพื่อน แล้วส่งต่อเลย โดยไม่ได้อ่านให้ละเอียด หรือ ตัดสินใจเร็วด้วยความประมาท
เมื่อเข้าใจตัวเองรวมถึงพฤติกรรมของตัวเราแล้ว พฤติกรรมสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้ คือ การลดความเร็วในการตัดสินใจ และ การกระทำที่ช้าแต่ชัวร์ คือ ตรึกตรองและใคร่ครวญวัตถุประสงค์ก่อนทุกครั้ง ทบทวนอีกรอบ จะช่วยให้สามารถพิจารณาได้อย่างละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น ไม่ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงและการโจรกรรมทางไซเบอร์
โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงเทศกาลต่าง ๆ ที่เป็นช่วงจับจ่ายใช้สอย มีเงินสะพัดและปริมาณธุรกรรมที่สูง ดังนั้น ผู้บริโภคก็ควรต้องเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ธนาคารกรุงเทพ สำรองเงินสดช่วงปีใหม่ 4.5 หมื่นล้าน วันหยุดใช้บริการได้ที่ไหน เช็กเลย
- ขาช้อปออนไลน์ต้องรู้! ‘สมาคมธนาคารไทย’ แนะเปิดแนวทางป้องกันภัยทางการเงิน
- สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ พร้อมพัฒนา ‘ตู้ฝากเงินอัตโนมัติ’ รองรับการยืนยันตัวตน 1 มิ.ย. 66