Stock - Finance

‘CK Power’ เข้าสู่ไฮซีซั่น ไตรมาส 3/65

CK Power เข้าสู่ไฮซีซั่น ไตรมาส 3/65 “ธนวัฒน์” คาดแนวโน้มการดำเนินธุรกิจไตรมาส 3 ปีนี้คาดว่าจะดีกว่าปีก่อน ขณะนักวิเคราะห์ มองกำไรไตรมาส 3 ทำสถิติสูงสุด

หุ้น CKP หรือ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด(มหาชน) ผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ รายงานงบในช่วงไตรมาส 2/2565 ออกมาได้ดีที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยมีรายได้รวม 2,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงปีก่อน ส่งผลให้ครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 5,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ 864.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.21% จากช่วงปีก่อน โดยครึ่งปีแรกมีกำไร 902.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.88% จากช่วงปีก่อน

ปัจจัยของการเติบโตมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ที่เพิ่มขึ้น จากปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าเฉลี่ยที่มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมถึงมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำจากลูกค้าอุตสาหกรรมของ BIC เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามสถานการณ์ราคาในตลาดโลก

กำไรไตรมาส 3
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 3/2565 คาดว่าจะดีกว่าปีก่อน จากการประเมินสถานการณ์น้ำของ XPCL ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน รายได้จากลูกค้าอุตสาหกรรมของ BIC มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับต้นทุนเชื้อเพลิงมากขึ้น จากการปรับเพิ่มค่า Ft ของภาครัฐตั้งแต่เดือนพฤษภาคมอีกด้วย

ทั้งนี้ CKP ยังคงลงทุนต่อเนื่องเพื่อให้มีกำลังการผลิตเติบโตเป็นสองเท่าในปี 2567 ปัจจุบันนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน โดยเฉพาะการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์เป็น 330 เมกะวัตต์ และพลังงานลม 700 เมกะวัตต์ ในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย และเวียดนาม

 

กำไรไตรมาส 3
ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์

นักวิเคราะห์ มองกำไรไตรมาส 3 ทำสถิติสูงสุด

CKP มีการจัดการประชุมนักวิเคราะห์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา เราจึงได้ทำการสำรวจมุมมองจากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ต่อทิศทางการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2565 และคำแนะนำการลงทุนว่ามีปัจจัยบวกอะไรบ้าง

บล.พาย เปิดเผยว่า CKP มีผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมในไตรมาส 2/2565 ซึ่งมีกำไรเติบโตทั้งจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 3/2565 มองว่าผลประกอบการบริษัทจะแตะยอดสูงสุดรายไตรมาสของปี จากการเข้าสู่ไฮซีซั่น (high season) ตามปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี (XPCL) และน้ำงึม 2 (NN2) ประกอบกับการปรับขึ้นค่า Ft จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้นของโครงการโรงไฟฟ้า BIC จึงคงคําแนะนํา “ซื้อ” หุ้น CKP มูลค่าพื้นฐาน 6.40 บาท คํานวณด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) อิง P/E ที่ 24.6 เท่า

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าหลังการประชุมนักวิเคราะห์ ยังไม่มีประเด็นใหม่ โดย CKP ตั้งเป้าหมายการเติบโตในระยะยาวจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อเพิ่มกําลังการผลิตติดตั้งให้ได้ถึง 4,800 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567

สำหรับการลงทุนที่มีรายละเอียดมากที่สุด คือ โครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง ซึ่ง CKP ถือหุ้น 42% ล่าสุดผ่านการอนุมัติจาก กพช. แล้ว จากนั้นจะเข้าสู่การลงนามบันทึกความเข้าใจการซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2565 และเริ่มก่อสร้างต้นปี 2566 ฝ่ายวิจัยประเมินว่าหากโครงการนี้ จะช่วยเพิ่มกําลังการผลิตให้ CKP ตามสัดส่วนการถือหุ้น เบื้องต้นราว 613 เมกะวัตต์ ซึ่งมีนัยสำคัญต่อกำไรในอนาคตและมูลค่าส่วนเพิ่มของราคาหุ้น

กำไรไตรมาส 3

กำไรไตรมาส 3 คาดจะดีขึ้น

ส่วนทิศทางผลประกอบการไตรมาส 3/2565 มองจะขึ้นทําระดับสูงสุดรายไตรมาสของปี เพราะเป็นช่วงฤดูฝนของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ จึงให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CKP มูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2565 เท่ากับ 6.40 บาทต่อหุ้น อีกทั้งภาพระยะยาวยังมีโครงการหลวงพระบางหนุนการเติบโตของกําไร ซึ่งฝ่ายวิจัยยังไม่รวมไว้ในประมาณการปัจจุบัน เพราะถือเป็น upside ส่วนเพิ่ม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน