Stock - Finance

เปิดโพยลงทุนหุ้นบัตรเครดิต รับ ‘Easy E-Receipt’ ปลุกยอดใช้

เปิดโพยลงทุนหุ้นบัตรเครดิต รับ Easy E-Receipt ปลุกยอดใช้ Easy E-Receipt เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต้นปี 2567  ประชาชนสามารถนำค่าซื้อสินค้า หรือบริการตั้งแต่ช่วง 1 ม.ค. -15 ก.พ.นี้ ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท

Easy E-Receipt เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 2567 ที่รัฐบาลให้ประชาชนสามารถนำค่าซื้อสินค้า หรือบริการตั้งแต่ช่วงวันที่ 1 มกราคม -15 กุมภาพันธ์ ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท สำหรับร้านค้าที่สามารถออกใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้ได้

แน่นอนว่านี่เป็นโครงการที่หวังผลกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ด้วยการกระตุ้นให้ผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอย ซึ่งทำให้หลายธุรกิจได้รับอานิสงส์นี้ไป อย่างไรก็ดี หนึ่งในธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์โดยตรง นั่นก็คือ “ธุรกิจบัตรเครดิต”

หุ้นบัตรเครดิต รับ Easy E-Receipt

มุมมองบทวิเคราะห์ บล. กสิกรไทย เปิดเผยว่า มี 2 หุ้นบัตรเครดิตในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีโอกาสได้รับผลบวกจากการบริโภคที่มีทิศทางดีขึ้น โดยประเมินว่าธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากยอดใช้จ่ายผ่านบัตร (Spending) จะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่กำไรคงไม่ได้เติบโตหวือหวานัก ได้แก่

หุ้นบัตรเครดิต

1. หุ้น KTC หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจหลักด้านบัตรเครดิต ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจร้านค้ารับบัตร การให้บริการรับชำระเงินแทน และธุรกิจสินเชื่อบุคคล ซึ่งครอบคลุมไปถึงสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับและสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน

2. หุ้น AEONTS หรือ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเช่าซื้อ

ทั้งนี้ ประเมินว่ามาตรการ Easy E-Receipt จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และถือว่าตอบโจทย์ฐานลูกค้าที่มีบัตรเครดิต อย่างไรก็ตามในปีนี้มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่จะจบลง สำหรับการผ่อนจ่ายชำระขั้นต่ำที่ขยับจาก 5% ถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็น 8% ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยกดดันที่ส่งผลให้เห็นปริมาณหนี้เสีย (NPL) สูงขึ้นได้เช่นกัน

หุ้นบัตรเครดิต

สำหรับ KTC คาดว่าปี 2567 จะมีกำไรสุทธิ 7,800 ล้านบาท เติบโตปานกลางในระดับ 6.5% โดยสินเชื่อจะเติบโตได้ประมาณ 10% ขณะที่ยอด Spending คาดว่าจะเติบโต 15% สินเชื่อส่วนบุคคลเติบโต 5%

ปัจจัยผลักดันการเติบโตของกำไรปกติของ KTC จะเป็นการเติบโตของสินเชื่อที่สูงขึ้นเป็น 5 – 6% จาก 3.9% ในปี 2566 และ Credit Cost ลดลงเล็กน้อยจาก 5.4% ในปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากพอร์ตสินเชื่อขนาดใหญ่และการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

ขณะที่ AEONTS คาดว่าจะมีกำไรปีบัญชี 2567 (มี.ค.2566 – ก.พ.2567) อยู่ที่ 2,909 ล้านบาท ลดลง 24% จากปีก่อน (YOY) จากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ลดลง ส่วนปีบัญชี 2568 (มี.ค.2567-ก.พ.2568) คาดกำไรจะอยู่ที่ประมาณ 3,332 ล้านบาท จากยอด Spending ของบัตรจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ คาดว่า NPL ของ AEONTS จะยังคงอยู่ในระดับสูงประมาณ 8%

 

ดังนั้น จึงแนะนำซื้อ KTC ราคาเป้าหมาย 57.5 บาทต่อหุ้น เพราะมองว่ามาตรการจูงใจทางภาษีแก่นักช้อปจะเป็นปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นให้กับ KTC มี Spending ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2567 ได้ดี

และแนะนำถือ AEONTS ราคาเป้าหมายที่ 158 บาทต่อหุ้น เนื่องจากเชื่อว่าจะยังต้องเจอความท้าทายหลักต่อคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งเพิ่มการชำระเงินขั้นต่ำของบัตรเครดิตเป็น 8% และ 10% ในปี 2567 – 2568 และอาจเพิ่มการก่อตัวของ NPL ใหม่อีกครั้ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน