“ดีเอสไอ” ยันทุจริตจริง สั่งอายัดทรัพย์หุ้น STARK คาดมูลค่าเสียหายส่อทะยานถึงแสนล้าน
จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับการตรวจพบความผิดปกติของงบการเงินของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) (STARK) เป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 โดยการสืบสวนเบื้องต้นมีมูลเชื่อว่ามีการกระทำผิดของกรรมการ หรือผู้บริหาร หรือบุคคลอื่นใด เกิดขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งพฤติการณ์มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นในตลาดทุนและระบบเศรษฐกิจการคลังของประเทศนั้น
ล่าสุดวันนี้ (28 มิ.ย.66) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าภายหลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกันประชุมหารือกำหนดแนวทางการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในกรณีการโกงหุ้น STARK นั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้สั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว และจะเร่งพยายามติดตามทรัพย์สินที่เหลืออีกจำนวนมาก ส่วนมูลค่าความเสียหายในครั้งนี้ เบื้องต้นเป็นจำนวนตัวเลข 35,000 – 50,000 ล้านบาท และคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะทะยานไปสู่ 100,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาคณะพนักงานสอบสวนได้มีการเชิญพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายรายเข้าให้ปากคำในฐานะพยานบ้างแล้ว อาทิ กรรมการและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งกรรมการชุดเก่าและชุดใหม่ใน 4 บริษัทสำคัญ เนื่องจากเบื้องต้นเราพบว่าบุคคลเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำบัญชี และมีส่วนเกี่ยวข้องในบทบาทของการตัดสินใจ การเซ็นอนุมัติต่างๆ แต่ว่า บุคคลเหล่านี้จะรู้เห็นในการกระทำความผิดด้วยหรือไม่นั้น เราจะต้องมีการสอบปากคำให้ครบถ้วนในทุกประเด็น และดูพยานหลักฐานเอกสารประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของคำให้การว่าเจ้าตัวจะมีการระบุว่าเข้าไปเกี่ยวข้องในขั้นตอนไหนอย่างไรบ้าง
พ.ต.ต.สุริยา ระบุอีกว่า เราได้เร่งรัดขอเอกสารเพิ่มเติมจาก STARK และผู้ที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ เพื่อใช้พิจารณาในส่วนของพยานหลักฐานขนานไปกับคำให้การต่างๆ ส่วนของพยานหลักฐาน เช่น เรื่องเส้นทางการเงินเอกสารการจัดซื้อสินค้าว่ามีหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ระดับไหน ซึ่งหากได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว จากนั้นเราจะพิจารณาว่าผู้ที่กระทำผิดมีใครเกี่ยวข้องบ้าง หรือเกี่ยวข้องในระดับใด เพื่อออกหมายเรียกผู้ต้องหาต่อไป
พ.ต.ต.สุริยา ระบุด้วยว่า สำหรับคดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ดีเอสไอจึงต้องมีการเร่งทยอยเรียกบุคคลต่างๆเข้ามาให้การในฐานะพยาน เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมคำให้การและเอกสารพยานหลักฐาน ส่วนระดับผู้บริหารของ 4 บริษัทสำคัญเราก็จะมีการทยอยเรียกเข้าให้การในฐานะพยานเช่นเดียวกัน
เมื่อถามถึงอดีตประธานกรรมการบริษัทว่าได้มีการประสานหรือออกหมายเรียกเพื่อเข้าให้การในฐานะพยานหรือไม่นั้น พ.ต.ต.สุริยา ระบุว่า เบื้องต้นเราได้มีการประสานไปยังเจ้าตัวเรียบร้อยแล้ว แต่คาดว่าหากเข้าให้การ คงจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ตนได้เร่งให้คณะพนักงานสอบสวนทำเรื่องราวให้ชัดเจน โดยภายในสองสัปดาห์หลังจากนี้ คือ สัปดาห์หน้าและในช่วงสัปดาห์ถัดไป ดังนั้น ความชัดเจนต่างๆจะปรากฏในห้วงเวลาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อผู้กระทำความผิด ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด หรือใครบ้างเข้าข่าย
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังระบุด้วยว่า เราจะมีการเรียกบริษัทที่ตรวจสอบความผิดปกติของบัญชี (Special Audit) เข้ามาให้การในฐานะพยานเช่นเดียวกัน เพราะบริษัทเหล่านี้ได้พบเห็นการทุจริตและมีข้อเท็จจริงบางส่วน เราจึงต้องเรียกมาสอบถามถึงพฤติการณ์ต่างๆ เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดตัวจริงให้ได้ เพราะตนไม่อยากให้ใครหลุดรอดไป จำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงให้รอบด้าน อีกทั้งในกรณีที่มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลจำนวน 3 รายก่อนหน้านี้ ผู้เสียหายก็ได้มอบพยานหลักฐานรวมถึงพฤติการณ์ต่างๆของผู้ที่ถูกกล่าวหาไว้ให้กับทางดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว แต่เราต้องขอสงวนการเปิดเผยในส่วนของรายละเอียดไว้ก่อน
“ดีเอสไอได้เปิดสายด่วน 1202 เพื่อให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากกรณีของหุ้น STARK ติดต่อแจ้งความเสียหายเข้ามา ซึ่งทางเราก็จะให้คำแนะนำกับผู้เสียหายว่าจะต้องเตรียมเอกสาร หรือต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป จากนั้นเราจึงจะได้ทราบว่ามีจำนวนผู้เสียหายจากกรณีนี้กี่รายและรายละเอียดเพิ่มเติม” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุ
พ.ต.ต.สุริยา ระบุว่า เบื้องต้นดีเอสไอพบร่องรอยการทุจริตจริง ระหว่างนี้จึงต้องเร่งรวบรวมพยานหลักฐานของทั้งพนักงานสอบสวนดีเอสไอเอง เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. และ พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. พร้อมนำมาประกอบกับคำให้การก่อนพิจารณาตั้งข้อกล่าวหากับผู้กระทำผิด และดีเอสไอจะดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหาต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 3 ดีเอสไอปฏิเสธทุกข้อหา เงิน 10 ล้าน ยังหาไม่พบ
- ‘เส้นด้าย’ สอดอ Style เลื่อนชี้แจงดีเอสไอ ไลฟ์สดเสียพนันออนไลน์ 25 ล้าน
- ‘ดีเอสไอ’ หอบสำนวนกว่า 1.5 หมื่นแผ่น เห็นควรสั่งฟ้อง ‘นอท’ คดีฟอกเงิน