ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ประจำฤดูกาล 2018-19 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ และถือเป็นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 หลังเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-0 ในเกมรอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา และนี่คือสถิติและเกร็ดที่น่าสนใจจากเกมนี้
– ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ เป็นสมัยที่ 6 ซึ่งมากสุดเป็นอันดับสาม เป็นรองเพียงแค่ เรอัล มาดริด (13) และ เอซี มิลาน (7) แต่ถือว่ามากสุดในบรรดาสโมสรอังกฤษ รองลงมาคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (3)
– เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล คว้าชัยในเกมรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วยเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2012 ที่ได้แชมป์ เดเอฟเบ โพคาล กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
– คล็อปป์ เป็นกุนซือ “หงส์แดง” รายที่ 4 ที่ได้ชูถ้วย “บิ๊กเอียร์” ต่อจาก บ็อบ เพสลี่ย์, โจ เฟแกน และ ราฟาเอล เบนิเตซ
– นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่รอบชิงชนะเลิศ ไม่มีใบเหลืองหรือใบแดงเลย
– เกมนี้ ลิเวอร์พูล ครองบอลได้ 35.4% ทำให้พวกเขาเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ชนะในรอบชิง ทั้งที่ครองบอลน้อยกว่าคู่แข่ง นับตั้งแต่ อินเตอร์ มิลาน ยุคกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ได้แชมป์เมื่อปี 2010 (ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-0)
– เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาดาวรุ่ง ลิเวอร์พูล ทำสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยกว่า 21 ปี (20 ปี กับ 237 วัน) คนแรกในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ได้ลงตัวจริงเกมรอบชิง สองซีซั่นติดต่อกัน
– โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวเตะ ลิเวอร์พูล กลายเป็นผู้เล่นจากทวีปแอฟริกาคนที่ 5 ที่ทำประตูในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ รอบชิง ได้ ต่อจาก ราบาห์ มัดแชร์, ซามูเอล เอโต้, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา และ ซาดิโอ มาเน่
– ประตูขึ้นนำ 1-0 จากลูกจุดโทษของ ซาลาห์ ถือเป็นประตูที่เกิดขึ้นเร็วสุดอันดับสองในประวัติศาสตร์เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิง (1 นาที กับ 48 วินาที) ต่อจาก เปาโล มัลดินี่ ที่ทำประตูได้โดยใช้เวลาแค่ 50 วินาที ในเกมรอบชิง เมื่อปี 2005 ที่เจอกับ ลิเวอร์พูล
– เกมนี้ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารจอมหนึบ ลิเวอร์พูล เซฟไปถึง 8 ครั้ง ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในเกมรอบชิง นับตั้งแต่ฤดูกาล 2003-04 และสามารถเก็บคลีนชีตได้ด้วย ส่วน เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เคยเซฟได้ 8 ครั้งเช่นกันเมื่อฤดูกาล 2010-11 แต่เกมนั้นเจ้าตัวเสียไปถึง 3 ประตู (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ บาร์เซโลน่า 1-3)
– อลีสซง เป็นผู้รักษาประตูคนแรกที่เก็บคลีนชีตในเกมรอบชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ นับตั้งแต่ ชูลิโอ เซซาร์ เมื่อฤดูกาล 2009-10 ที่ตอนนั้นช่วย อินเตอร์ มิลาน ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-0
– ดีว็อค โอริกี้ หัวหอกตัวทีเด็ดของ ลิเวอร์พูล เป็นแข้งเบลเยียมคนที่สองที่ทำประตูในเกมรอบชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ ต่อจาก ยานนิค การ์ราสโก้ เมื่อฤดูกาล 2016-17
– แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ หัวหอกสำรอง ลิเวอร์พูล กลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก กับสองสโมสรอังกฤษ (เชลซี กับ ลิเวอร์พูล) แม้รอบชิง ทั้งสองครั้งเป็นตัวสำรองที่ไม่ถูกใช้งานก็ตาม
– ทั้ง 64 เกมรวมทุกรายการที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ยอดปราการหลัง ลิเวอร์พูล ลงเล่นในฤดูกาลนี้ ไม่มีผู้เล่นคนไหนเลี้ยงบอลผ่านเขาได้เลย
– ครึ่งหลังครึ่งเดียว สเปอร์ส พยายามยิงมากถึง 14 ครั้ง ส่วน ลิเวอร์พูล ทั้งเกมมีโอกาสยิง 14 ครั้ง
