เตือนอีก! ชวนเทรดหุ้น ทอง เงินดิจิทัล ลงทุนน้อยกำไรมาก ไม่มีอยู่จริง ไม่กลัว ไม่โลภ ไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
จากกรณี “น้องเดียว” อายุ 21 ปี ชาว อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากก่อเหตุผูกคอตัวเองเสียชีวิตที่บ้านพัก เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา โดยสาเหตุมาจากถูกหลอกให้ลงหุ้นในแอปออนไลน์ เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ทั้งนี้ก่อนก่อเหตุ ยังได้ทิ้งจดหมายขอโทษแม่ ที่ทำให้เดือดร้อนด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ในเรื่องนี้หากเทียบสถิติคดีอาชญากรรมออนไลน์ประเภท “หลอกให้ลงทุน” และอุบายในการหลอกลวง โดยสถิติคดีออนไลน์ที่ประชาชนแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com โดยคดีหลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มีคนร้องเรียนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น เทรดหุ้น เทรดทอง เงินดิจิทัล ทำให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ และสูญเสียทรพย์สินเป็นจำนวนมาก บางรายอาจรุนแรงถึงขึ้นก่อเหตุจบชีวิตตนเอง
ผลตอบแทนสูง จูงใจให้ลงทุน
การหลอกลงทุน ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เสนอผลตอบแทนที่จูงใจและสูงเกินจริง ทำนองรวยง่าย รวยเร็ว รวยจริง แต่ไม่บอกที่มาของผลตอบแทนให้ชัดเจน หรือชวนให้เข้ากลุ่มโพยหุ้น หรือชวนให้เข้ากลุ่มสอนการลงทุน ฯลฯ วิธีสังเกต
- มีการสร้างโปรไฟล์ให้น่าเชื่อถือ อย่างเช่น CEO เจ้าของธุรกิจ เซียนหุ้นชื่อดัง ผู้บริหารภาครัฐ ฯลฯ
- จะมียอดไลค์เยอะมาก และมีคอมเมนท์บอก “สนใจ” เต็มไปหมด
- คลิกไปที่หน้าเพจของสื่อนั้น ลองกดที่ “about” เพจจะเพิ่งสร้างไม่นาน และไม่มีกิจกรรมของเพจเลย ถ้าเป็นเพจของบุคคลธรรมดา มักจะใส่รูปอื่นที่ไม่ใช่รูปตนเองเป็นหน้าโปรไฟล์ ช่องทางการติดต่อส่วนใหญ่เป็นการทักเข้าหาเราทางแชท messenger หรือชวนให้เข้ากลุ่มไลน์
- ชักจูงให้โอนเงินไปยังบัญชีบุคคลธรรมดา (อันนี้สำคัญ ถ้าเจอแบบนี้ 100% โกง) เพราะบัญชีม้าทำไม่ยาก แต่มีบ้างเหมือนกัน ให้โอนเข้าบัญชีนิติบุคคล แต่น้อยมาก เพราะการเปิดบัญชีนิติบุคคลทำยากกว่า และสามารถสืบไปยังเจ้าของนิติบุคคลได้ แต่ล่าสุดก็มีเหมือนกัน มิจฉาชีพมาในรูปแบบของการเป็นบริษัทเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ และหลอกให้ทำงานออนไลน์ เป็นงาน “คอนเฟิร์มออเดอร์” เราจะต้องทำการใส่เงินเข้าไปในระบบจากนั้นทำการคอนเฟิร์มสินค้า เมื่อทำถึงจำนวนที่กำหนดก็เสร็จสิ้นภารกิจ จะได้รับเงินรางวัล วิธีตรวจสอบบริษัทนี้มีตัวตนจริงหรือไม่ ให้เข้าเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ https://datawarehouse.dbd.go.th/index
- ดูงบการเงินว่ามีรายได้จากการประกอบธุรกิจหรือไม่ ถ้าไม่มีรายได้ แนวโน้ม “โกง”
- สถานะ “ยังดำเนินกิจการอยู่” หรือไม่ ถ้าสถานะ “เลิก” แนวโน้ม “โกง”
- วันที่จดทะเบียนจัดตั้ง จัดตั้งมานานหลายปีหรือไม่ ถ้าเพิ่งตั้งไม่นาน แนวโน้ม “โกง”
การหลอกขายของ วิธีสังเกต คือ มักขายของถูกกว่าที่ควรจะเป็น โดยมิจฉาชีพจะเข้ามาหาเหยื่อในกลุ่มซื้อขายของออนไลน์ใน Facebook และมักจะทักขายของที่เราสนใจให้เราทาง messenger วิธีสังเกต
- จะเพิ่งเข้าในกลุ่มที่เราเป็นสมาชิกไม่นาน ไม่มีกิจกรรมในกลุ่ม
- ไปดูหน้า Facebook มักจะเพิ่งสร้างไม่นาน ไม่มีกิจกรรมในเพจ
- ก่อนชำระเงิน
- เช็กรูปสินค้า โดยเช็กได้จาก Google ว่ารูปนี้เคยโพสต์ที่ไหนมาแล้วบ้าง เจ้าของใช่คนเดียวกับคนที่ขายให้เราหรือไม่
- เช็กข้อมูลผู้ขายที่ https://www.blacklistseller.com/ หรือ https://chaladohn.com/check
ดังนั้นประชาชนต้องระวัง รู้ทันมิจฉาชีพหลอกลงทุนต่างๆ แนะจุดสังเกต เพื่อไม่ให้คุณตกเป็นเหยื่อ ดังนี้
จุดสังเกต
- ถ้าให้ในสิ่งที่เหลือเชื่อ ท่องไว้เลย “เหลือเชื่อ” คือ อย่าไปเชื่อ ไม่ว่าจะให้เงินหรือผลตอบแทนที่สูงจนเกินจริง
- ถ้าให้โอนเงินเข้าบัญชีบุคคลธรรมดา คือ โกง
- ถ้าอ้างเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือ เช่น ปปส. สรรพากร กรมที่ดิน ฯลฯ ให้กดลิงค์แอดไลน์ โหลดแอป หรือให้โทรไปตามเบอร์ที่ให้ อย่าไปเชื่อ คือ โกง ให้ติดต่อหน่วยงานนั้นโดยตรง
- แม้จะให้ข้อมูลเชิงลึกของเราได้อย่างถูกต้อง ก็อย่าไปเชื่อ เพราะหลายกรณีที่โดนหลอก ก็เพราะเห็นว่ารู้ข้อมูลละเอียด ไม่น่าจะเป็นมิจฉาชีพ สุดท้ายก็ถูกหลอก
แต่การป้องกันตัวจากกลโกงทำได้ยากมาก เพราะมิจฉาชีพมาทุกรูปแบบ และพัฒนาวิธีการโกงไปเรื่อย มีการใช้จิตวิทยาในการหลอกให้เราเชื่อ ไม่ว่าจะหลอกด้วยความโลภ หรือความกลัว สำคัญเราต้องมีสติ
ขอบคุณข้อมูล SET
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สพฐ. แจงสาเหตุยังยกเลิกครูเวรไม่ได้ ติดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
- จับตา! รัฐบาลเดินหน้าประชุม ครม.สัญจร 6 จังหวัดภาคใต้ 22-23 ม.ค.นี้
- รัฐบาลพร้อมรับฟังทุกความเห็น ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ยันจริงใจ เคียงข้างประชาชนรายได้น้อย
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg