ครม. ไฟเขียว เพิ่มเกณฑ์ประเมิน ‘ตรวจสอบงบประมาณ’ อปท. 7,850 แห่ง พร้อมเปิดเผยข้อมูล ให้ประชาชนตรวจสอบได้
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ว่าเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รูปแบบทั่วไป เป็นหน่วยรับงบประมาณตามกฎหมายงบประมาณ และได้รับงบประมาณอุดหนุนจากรัฐสูง แต่ยังขาดเครื่องมือในการตรวจสอบสถานะด้านการคลังและงบประมาณท้องถิ่น
บริหารจัดการ-ตรวจสอบงบประมาณ
ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบและอนุมัติแนวทาง เสริมสร้างศักยภาพการคลังท้องถิ่น (แบบประเมินสุขภาพการคลังท้องถิ่น) ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอ เพื่อสร้างเครื่องมือในการตรวจสอบสถานะด้านการคลังและงบประมาณท้องถิ่น ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบทั่วไป 7,850 แห่ง นำไปใช้เพื่อปรับปรุงระบบการกำกับดูแลด้านการเงินให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แบบประเมินนี้ จะมีการตรวจสอบภายใน การควบคุมภายใน และการบริหารจัดการแบบประเมินารความเสี่ยงตามมาตรา 79 แห่ง พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และพัฒนาให้มีการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนตรวจสอบได้ เพื่อให้ อปท. มีความเข้มแข็งสามารถให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเมินสุขภาพการคลังท้องถิ่น ด้วยตัวชี้วัด 8 ด้าน
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า แบบประเมินสุขภาพการคลังท้องถิ่นจะมีการประเมินตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 โดยใช้ข้อมูลผลการปฏิบัติงานของปีงบประมาณ 2565 จะมีการชี้วัดในด้านต่างๆ 8 ด้าน
- ด้านรายได้ ประเมินประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ของ อปท. รวมทั้งการใช้นวัตกรรมในการจัดเก็บรายได้
- ด้านการเงิน ประเมินประสิทธิภาพในการชำระเงินที่ผ่านหลายช่องทาง สะดวก รวดเร็ว
- ด้านงบประมาณรายจ่าย ประเมินความสอดคล้องการจัดทำคำของบประมาณประจำปีกับแผนพัฒนาท้องถิ่น ความพร้อมในการดำเนินโครงการ และความสามารถในการก่อหนี้ผูกพัน
- ด้านการจัดซื้อจัดจ้าง ประเมินความสามารถในการปฏิบัติงานตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐได้อย่างถูกต้องตามระยะเวลา ขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด มีความโปร่งใส และมีการดำเนินการตามข้อตกลงคุณธรรม
- ด้านการบัญชีและสินทรัพย์ จัดทำรายงานบัญชีและสินทรัพย์ตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐและรายงานต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน
- ด้านการกำกับดูแลตนเอง ประเมินการควบคุมภายใน การตรวจสอบภายใน จัดทำรายงานการตรวจสอบภายใน และการจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยง
- ด้านการก่อหนี้ระยะยาว ประเมินความคุ้มค่าของโครงการที่ก่อหนี้ระยะยาวหรือโครงการที่ใช้เงินกู้ว่าสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาท้องถิ่น และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
- ด้านเงินสะสม ประเมินประสิทธิผลของการใช้เงินสะสมตามวัตถุประสงค์ และรักษาระดับของเงินสะสมเพื่อเสถียรภาพทางการคลัง
การมีแบบประเมินนี้ก็เพื่อการบริการเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ต้องสามารถเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนตรวจสอบได้ พร้อมกับสามารถนำไปปรับปรุงระบบการกำกับดูแลตนเองได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- แจง! ‘ลดต้นลดดอก’ สัญญาเช่าซื้อรถยนต์-จักรยานยนต์ คืออะไร? มีผลบังคับใช้ 10 ม.ค.66
- ราชกิจจาฯ ประกาศสัญญาเช่าซื้อรถยนต์-จักรยานยนต์ พ.ศ.2565
- จ่อขยายอายุ ‘รถตู้โดยสาร’ จาก 12 ปี เป็น 13 ปี ครอบคลุม 1 พันคัน สรุปผลภายในเดือนพ.ย.นื้