Politics

‘รัฐบาล’ อวดผลสำเร็จโครงการรัฐ ชี้เกิดผลเป็นรูปธรรม ประชาชนแฮปปี้

“ทิพานัน” เผยผลสำเร็จของรัฐบาล ผ่านมาตรการการคลัง และมาตรการลดผลกระทบจากการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้า ฟื้นฟูผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เกิดผลเป็นรูปธรรม ประชาชนพึงพอใจ

นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่เริ่มมีการระบาดในประเทศไทยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และมีการระบาดอยู่จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือนของประชาชน โดยเฉพาะด้านปากท้อง

ทิพานัน 309651

ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินมาตรการการคลังเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูผลกระทบจาการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้า ดังนี้

1. มาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศและเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ กลุ่มผู้มีรายได้น้อย และประชาชนทั่วไป ได้แก่ โครงการเราไม่ทิ้งกัน เพื่อช่วยเหลือเยียวยาให้กับลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดประกอบกิจการของสถานประกอบการที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ โดยชดเชยรายได้ให้แก่ผู้ได้รับสิทธิ จำนวน 5,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เดือนเมษายน-มิถุนายน 2563) รวมเป็นเงินจำนวน 15,000 บาทต่อคน มีผู้ได้รับสิทธิประมาณ 15.27 ล้านคน คิดเป็นวงเงินประมาณ 228,919 ล้านบาท

2. โครงการช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเยียวยาจากโครงการใด ๆ ของภาครัฐในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้กลุ่มคนดังกล่าว มีรายได้ลดลงและไม่สามารถหารายได้จากแหล่งอื่นมาทดแทนได้ โดยจ่ายเงินเยียวยา จ่านวน 1,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2563) รวมเป็นเงิน จำนวน 3,000 บาทต่อคน มีผู้ได้รับสิทธิตามโครงการ จำนวน 1.03 ล้านคน คิดเป็นวงเงินประมาณ 3,080 ล้านบาท

LINE ALBUM บัตรคนจน ๒๒๐๖๐๖ 0
3. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นการช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) ให้แก่ผู้มีบัตรฯ จำนวน 14 ล้านคน เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยดำเนินงานอย่างต่อเนื่องมาแล้วรวม 4 ระยะ เพื่อให้การช่วยเหลือ เยียวยา และลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่กลุ่มผู้มีบัตรฯ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ได้แก่

  • ระยะที่ 1 เดือนตุลาคม-เดือนธันวาคม 2563 ช่วยเหลือในวงเงินจำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน
  • ระยะที่ 2 เดือนมกราคม-เดือนมีนาคม 2564 ช่วยเหลือในวงเงินจำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน
  • ระยะที่ 3 เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564 ช่วยเหลือในวงเงิน จำนวน 200 บาทต่อคนต่อเดือน
  • ระยะที่ 4 เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2565 ช่วยเหลือในวงเงิน จำนวน 200 บาทต่อคนต่อเดือน

4. โครงการคนละครึ่ง เป็นโครงการที่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิภาครัฐร่วมจ่าย 50% สำหรับการซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ไม่รวมถึงสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ โดยจะต้องช่าระเงินผ่านระบบช่าระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ปัจจุบันดำเนินงานไปแล้ว 4 ระยะ ได้แก่

  • ระยะที่ 1 ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการไม่เกิน 10 ล้านคน ผู้เข้าร่วมได้รับสิทธิภาครัฐร่วมจ่ายไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ระยะเวลาการใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2563
  • ระยะที่ 2 ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการไม่เกิน 15 ล้านคน ผู้เข้าร่วมได้รับสิทธิภาครัฐร่วมจ่ายไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,500 บาทต่อคน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2564
  • ระยะที่ 3 ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการไม่เกิน 31 ล้านคน ผู้เข้าร่วมได้รับสิทธิภาครัฐร่วมจ่าย ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 1,500 บาท ต่อคน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2564
  • ระยะที่ 4 ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจากระยะที่ 3 และลงทะเบียนใหม่ 1 ล้านคน ผู้เข้าร่วมได้รับสิทธิภาครัฐร่วมจ่าย ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 1,200 บาทต่อคน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์-30 เมษายน 2565

คนละครึ่ง 1136513

5. มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของสถาบันการเงินเฉพาะกิจสำหรับลูกค้ารายย่อย ประกอบด้วย

  • โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินสำหรับผู้มีอาชีพอิสระและผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 วงเงินรวม 25,000 ล้านบาท
  • โครงการสินเชื่อกู้ภัยโควิด-19 เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ วงเงิน 20,000 ล้านบาท
  • มาตรการสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 สำหรับผู้มีรายได้ประจำประกอบอาชีพอิสระ และเกษตรกรรายย่อยหรือลูกจ้างภาคการเกษตร วงเงิน 20,000 ล้านบาท (ธ.ก.ส.)

มาตรการภาษี เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และบรรเทาผลกระทบ ประกอบด้วย

  • มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสาหรับที่อยู่อาศัย โดยการลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% ลงเหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจานองจาก 1% ลงเหลือ 0.01%
  • มาตรการขยายเวลาลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน (ถึง 30 มิถุนายน 2565)
  • การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19
  • การยกเว้นอัตราค่าปรับเป็นอัตรา 0% สำหรับงานก่อสร้างของภาครัฐที่มีการส่งมอบงานงวดสุดท้ายจนถึง 30 มิถุนายน 2565
  • มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตขายสุรา ยาสูบและไพ่ สาหรับการต่ออายุใบอนุญาตของสถานประกอบการเดิมในปี 2565

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK