สธ. ออกเกณฑ์ แยกโรค ‘ฝีดาษลิง’ กับโรคตุ่มน้ำอื่นๆ อีก 4 โรค ป้องกันการสับสนในการรักษา ของคลินิกโรคผิวหนัง เช็กเลย โรคไหน อาการยังไง!!
พญ.นฤมล สวรรค์ปัญญาเลิศ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมการแพทย์ กล่าวว่า วันที่ 26 กรกฏาคม กรมการแพทย์ เตรียมหารือกับโรงพยาบาล คลินิกผิวหนัง เพื่อประชุมแนวทางการรักษาพยาบาลโรคฝีดาษวานร เนื่องจากโรคดังกล่าวถือว่าเป็นโรคใหม่สำหรับประเทศไทย แต่เป็นโรคเดิมประจำถิ่นในแอฟริกา
ตุ่มน้ำฝีดาษลิง แบ่งเป็น 4 ระยะ
โดยฝีดาษวานรถือเป็น DNA VIRUS การติดต่อเกิดจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง ได้ทั้งน้ำมูก น้ำลาย น้ำในตุ่มฝีหนอง น้ำเหลือง หรือน้ำต่างๆ ของร่างกาย ระยะฟักเชื้อ 7-21 วัน หรือประมาณ 3 สัปดาห์
ตุ่มที่เกิดขึ้นตามร่างกายสามารถขึ้นได้ทั่วตัว และมี 4 ระยะด้วยกัน ได้แก่
- ระยะที่ 1 มีตุ่มแดงขึ้น
- ระยะที่ 2 ตุ่มพัฒนากลายเป็นตุ่มนูน
- ระยะที่ 3 ตุ่มกลายเป็นหนอง
- ตุ่มดังกล่าวได้แตก
ซึ่งการแพร่เชื้อเกิดการติดต่อ จะเกิดในลักษณะของระยะที่ 3 และ 4 โดยทั่วไปโรคนี้เป็นแล้วสามารถหายเองได้ เมื่อแผลตกสะเก็ด หรือใช้การรักษาตามอาการ สำหรับคนที่จะมีอาการรุนแรง ได้แก่ คนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ รับประทานยากดภูมิในคนรักษามะเร็ง หรือ ปลูกถ่ายอวัยวะ เด็กเล็กอายุต่ำว่า 8 ปี และหญิงตั้งครรภ์
ออกเกณฑ์แนวทางแยกโรค ที่มีลักษณะอาการตุ่มน้ำ 5 โรค
เนื่องจากโรคฝีดาษวานรจัดอยู่ในกลุ่มโรคที่มีลักษณะของตุ่มน้ำตามผิวหนัง ใกล้เคียงทั้งโรคอีสุกอีใส และไข้ทรพิษ เบื้องต้นทางสถาบันโรคผิวหนังวางเกณฑ์และแนวทางจำแนกแยกโรค ที่มีลักษณะอาการคล้ายคลึง หรือใกล้เคียงกับฝีดาษวานร เพื่อให้แยกโรคออก
- โรคอีสุกอีใส ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีตุ่มน้ำใสขึ้นทั่วตัว และในกระพุ้งแก้ม ช่องปาก สามารถติดต่อได้จากละอองฝอย ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มอาการที่ไม่รุนแรงในกลุ่มที่มีตุ่มน้ำขึ้นตามร่างกาย ระยะฟักโรค 11-20 วัน รักษาด้วยการทานยาต้านไวรัส
- โรคเริม มีอาการป่วยนอกจากตุ่มน้ำตามร่างกายแล้ว ยังจะมีอาการอักเสบตามเส้นประสาท และทิ้งรอยโรคไว้ สามารถกลับมาป่วยซ้ำได้ โดยมีระยะฟักตัว 3-7 วัน รักษาด้วยยาต้านไวรัส
- งูสวัด เป็นการพัฒนาของเชื้ออีสุกอีใส แต่เชื้อหลบที่ปมประสาท ทำให้มีไข้ต่ำ ปวดเมื่อตามร่างกาย และมีอาการแสบร้อน คันผิวหนัง ติดเชื้อได้จากสารคัดหลั่ง การรักษาเน้นยาต้านไวรัส
- ไข้ทรพิษ มีไข้สูง ปวดเมื่อย มีตุ้มผื่นขึ้น อ่อนเพลีย อาเจียน ปวดท้อง ระยะฟักตัว 7-17 วัน การรักษาเน้นประคับประคอง
- ฝีดาษวานร มีตั้งแต่ไข้ ปวดเมื่อยศีรษะตามร่างกาย ปวดหลัง และเด่นชัดต่อมน้ำเหลืองโต รักษาเน้นประคับประคอง
พญ.นฤมล กล่าวว่า สำหรับแนวทางการแยกโรคจะมีการประชุมของกรมการแพทย์ และสรุปส่งให้ทาง EOC ของกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาต่อไป ส่วนที่มีความกังวลเรื่องเชื้อในสิ่งแวดล้อม ยืนยันว่าเชื้อนี้สามารถฆ่าได้ด้วยแอลกอฮอล์และสบู่ ดังนั้น มาตรการหมั่นล้างมือและงดสัมผัสหรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย หรือผู้เข้าข่าย (คนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย) สามารถป้องกันได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ฝีดาษลิง’ คกก.โรคติดต่อ ยังไม่ยกระดับ เป็น ‘โรคติดต่ออันตราย’
- ระทึก! ‘ฝีดาษลิง’ คัดกรองเข้ม ผู้เดินทางเข้าไทย เจอ 1 รายชาวเวียดนาม ‘ต้องสงสัย’
- โล่งอก! เผยผลตรวจ 27 กลุ่มเสี่ยง ‘ฝีดาษ ลิง’ เป็นลบ นำเชื้อมาทดสอบกับผู้ที่เคยปลูกฝี พบเชื้อขึ้นช้า