เช็คอัตราการครองเตียง รองรับหากยอดติดเชื้อพุ่ง เผยติดเชื้อในเด็กเพิ่ม อาการหนัก เสียชีวิต ยังเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดี กรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น หลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ รัฐบาลโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข และดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยประชาชน จึงมอบหมายให้กรมการแพทย์ บริหารจัดการเตียงร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายต่างๆ เตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาล
และ UPDATE สถานการณ์ภาพรวมการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทุกสัปดาห์ เพื่อประเมินสถานการณ์และศักยภาพเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งภาพรวมของประเทศด้วย
การครองเตียง 35.8% เด็กติดเชื้อเพิ่ม 50% จากอัตราเสียชีวิต ไม่ได้ฉีดวัคซีน
ขณะนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย โดยการติดเชื้อในเด็กมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการติดเชื้อเดือนมกราคม ส่วนกลุ่มที่เสียชีวิต อาการหนักยังเป็นกลุ่มสูงวัยกลุ่มเปราะบาง มีโรคเรื้อรัง ติดบ้านติดเตียง ที่รับเชื้อจากคนใกล้ชิด
สำหรับการเสียชีวิตในเด็ก พบว่า มากกว่า50% เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี ส่วนใหญ่มีโรคร่วม และเกือบทั้งหมด ไม่มีข้อมูลได้ฉีดวัคซีน ด้านการรักษาขณะนี้ทั่วประเทศมีเตียงรักษาโควิดประมาณ 1.8 แสนเตียง อัตราครองเตียงประมาณ 35.8%
ติดเชื้อหลังสงกรานต์ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว เตียงยังว่าง
การระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้มีแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น จากก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่วนมากเป็นกลุ่มอาการสีเขียว การรักษาผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงเป็นรูปแบบ Home Isolation (HI) / Community Isolation (CI) และแบบผู้ป่วยนอก หรือ “เจอ แจก จบ” (Outpatient with Self Isolation : OPSI) จึงยังมีเตียงรองรับกลุ่มอาการหนัก
การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เป็นไปตามแนวทางการรักษา (CPG) ของกรมการแพทย์ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม
1. กลุ่มที่ไม่มีอาการหรือสบายดี ไม่ต้องกินยาต้านไวรัส อาจให้ยาฟ้าทลายโจรขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์
2. กลุ่มทึ่มีอาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยง พิจารณาให้ Favipiravir เร็วที่สุด
3. กลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยง ต่อโรครุนแรงหรือกลุ่มที่มีปอดอักเสบ แต่ยังไม่ต้องให้ออกซิเจน พิจารณาให้ยาต้านไวรัสเร็วที่สุด ตัวใดตัวหนึ่ง ตาม CPG ของกรมการแพทย์ ได้แก่ Favipiravir หรือ Remdesivir หรือ Molnupiravir หรือ Nirmartelvir/ritonavir (Paxlovid) โดยประเมินจากประวัติวัคซีนและปัจจัยเสี่ยงต่อโรครุนแรง
4. กลุ่มที่มีอาการปอดอักเสบต้องได้รับการรักษาด้วยออกซิเจน พิจารณาให้ Remdesivir เร็วที่สุด ทั้งนี้ การรักษาในผู้ป่วยกลุ่มเด็ก มีแนวทางรักษา คือ การให้ยา Favipiravir ชนิดเม็ดและชนิดน้ำ ในกลุ่มอาการไม่รุนแรง และ Remdesivir ในกลุ่มอาการปานกลางถึงรุนแรง ส่วนการรักษาในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ มีแนวทางคือ การให้ยา Remdesivir และอาจพิจารณาให้ Favipiravir ในไตรมาสที่ 2-3 พิจารณาเป็นกรณี
ทั้งนี้ การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โรคประจำตัว และประวัติการได้รับวัคซีน เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เห็นชอบ มาตรการเปิดเทอม คุมเข้ม ประเมินความพร้อมสถานศึกษา เร่งฉีดวัคซีน
- เตรียมวัคซีนเด็ก 7 ล้านโดส รับเปิดเทอม ทั้งเข็ม 1 , 2 และ 3
- ศูนย์จีโนมฯ รามา เฝ้าระวัง สายพันธุ์ย่อย BA.2.12.1 ย้ำ วัคซีนเข็มกระตุ้น สำคัญ