ไบโอเทค พัฒนาสำเร็จ ‘ไวรัสตัวแทน’ ก๊อปปี้โควิด ใช้ทดสอบสูตรวัคซีนและยารักษา รับมือไวรัสกลายพันธุ์ คุมการระบาดในอนาคต
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการ กลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ทีมวิจัยไบโอเทคนำความรู้ความเชี่ยวชาญ เรื่องการพัฒนา “ไวรัสตัวแทน” (Pseudotyped Virus) ที่มีกลไกในการติดเชื้อเข้าสู่เซลล์ได้เหมือนไวรัสตัวจริง แต่ผ่านการปรับให้มีคุณสมบัติ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์
พัฒนา“ไวsัสตัวแทนไวรัสก่อโรคโควิด-19” สำเร็จเป็นครั้งแรกของประเทศไทย
เป็นเทคโนโลยีที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยอมรับเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย ตลอดจนมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน มาใช้พัฒนา “ไวsัสตัวแทนไวรัสก่อโรคโควิด-19” สำเร็จเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยเทคโนโลยีที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นนี้ สามารถใช้ผลิตไวsัสตัวแทนไวรัสก่อโรคโควิด-19 จากข้อมูลรหัสพันธุกรรมได้ทุกสายพันธุ์
ทั้งนี้ ไวsัสตัวแทน เป็นเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบไวรัสก่อโรคโควิด-19 จากที่ทราบกันดีว่า ไวรัส SARS-CoV-2 ใช้โปรตีนตรงส่วนหนาม ในการจับและเข้าสู่เซลล์ ทีมวิจัยจึงได้นำโปรตีนหนามของไวรัส SARS-CoV-2 มาใส่ไว้ในไวรัสอีกตัวหนึ่ง ซึ่งมีความปลอดภัยและไม่อันตราย
จุดเด่น วิจัยเชิงรุกได้โดยไม่่ต้องให้ไวรัสระบาดก่อน ทดสอบได้รวดเร็ว ครั้งละมากๆ และลดค่าใช้จ่าย
โดยไวsัสตัวแทน มีจุดเด่นสำคัญหลายประการ คือ ช่วยให้นักวิจัยสามารถทำงานเชิงรุกได้ เมื่อมีการค้นพบการกลายพันธุ์ของไวรัสก่อโรคโควิด-19 นักวิจัยสามารถนำข้อมูลรหัสพันธุกรรม มาสร้างไวsัสตัวแทนเพื่อใช้ดำเนินงานได้ทันที ไม่ต้องรอให้มีการติดเชื้อของสายพันธุ์นั้นในประเทศ แล้วจึงแยกเชื้อออกมาจากผู้ป่วย
นอกจากนี้ยังปลอดภัย เพราะไวsัสตัวแทนไม่ก่อให้เกิดโรค นักวิจัยหรือเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ จึงสามารถใช้งานไวsัสตัวแทน ในห้องปฏิบัติการของสถานพยาบาลทั่วไปได้
ข้อดีอีกประการคือ ทดสอบได้รวดเร็ว เนื่องจากไวsัสตัวแทนสามารถแสดงผลการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ ให้เห็นอย่างชัดเจนภายใน 48 ชั่วโมง ต่างจากไวรัสของจริงที่ต้องใช้เวลา 5-6 วัน
นอกจากนี้ การทดสอบด้วยไวsัสตัวแทนยังทำได้มากถึงครั้งละ 90 ตัวอย่าง ขณะที่การทดสอบด้วยไวรัสของจริง ทำได้เพียงครั้งละ 6 ตัวอย่าง รวมถึงผลิตได้ปริมาณมากในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้มีปริมาณไวรัสมากพอในการทดสอบ สามารถทำวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังลดค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานได้มากถึง 20-30 เท่า
การพัฒนาสุตรวัคซีน และยารักษาโรคจากไวรัส จะทำได้รวดเร็ว รับมือการระบาดในอนาคต
ดร.อนันต์ กล่าวต่อว่า นับจากนี้การวิจัยและพัฒนาวัคซีน สูตรการฉีดวัคซีน รวมถึงยารักษาโรคจากไวรัสต่างๆ ของประเทศไทย จะมีความราบรื่นและรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้สร้างไวsัสตัวแทนไวรัสก่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์กลายพันธุ์ใหม่ที่น่ากังวล เพื่อเตรียมรับมือการระบาดรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
ที่ผ่านมาไบโอเทคได้นำไวsัสตัวแทน มาให้บริการการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศแล้ว ทั้งการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 ที่มีการฉีดภายในประเทศ การทดสอบสูตรการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับบุคคลกลุ่มต่างๆ และการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ได้แก่ วัคซีน Chula-CoV-19 วัคซีนใบยา และวัคซีน HXP–GPOVac
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- มัดรวม ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ทุกสิทธิรักษา ต้องไปรพ.ไหน?
- กทม. เพิ่มจุดบริการ ‘เจอ แจก จบ’ 15 เขตที่มีผู้ติดเชื้อสูง
- ‘อย่าลังเล’ หมอยง ชี้ กลุ่ม 608 ควรรีบ ‘ฉีด วัคซีน’ ลดความสูญเสีย