General

เฉลยแล้ว! สดร. อธิบายชัด ที่มา ‘แสงวาบ-เสียงดังสนั่น’ ท้องฟ้าภาคเหนือ ทำแตกตื่น

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เฉลยแล้ว แสงวาบ เสียงดังสนั่น หลายพื้นที่บริเวณภาคเหนือของไทย คืออะไร หลังชาวบ้านแตกตื่น ระบุ ในทางดาราศาสตร์ถือเป็นเรื่องปกติและสามารถอธิบายได้ ไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจ

จากกรณี ที่เกิดเสียงดังคล้ายระเบิด ทั่วท้องฟ้าทางภาคเหนือ เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. ซึ่งมีคนบันทึกภาพว่าเป็นการระเบิดบนท้องฟ้า สร้างความกังวล และความสงสัยอย่างมากนั้น

ล่าสุด สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ” อธิบายถึงเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นว่า 

ชัดแล้ว

สดร. ชี้แจงกรณี “เห็นแสงวาบและมีเสียงดังสนั่น” หลายพื้นที่ภาคเหนือของไทย ช่วงเย็น 22 มิถุนายน 2564

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ชี้แจงกรณี มีการแชร์ข้อมูลจำนวนมาก บนโซเชียลมีเดีย ช่วงเย็นวันที่ 22 มิถุนายน 2564 มีผู้พบเห็นแสงสว่างวาบบนท้องฟ้า สีฟ้าอมเขียว หลังจากนั้นได้ยินเสียงดังสนั่น พร้อมกันในหลายพื้นที่บริเวณภาคเหนือของไทย เขตจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำปาง ฯลฯ ไม่พบรายงานความเสียหายหรือได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

จากหลักฐานที่รวมรวมได้ อาทิ ข้อมูลการโพสต์จากหลายแหล่ง และภาพถ่าย เบื้องต้นคาดว่าอาจเกิดจาก ดาวตกชนิดระเบิด (Bolide) เป็นเหตุการณ์ที่สามารถอธิบายได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์

นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สดร. กล่าวว่า ตามที่มีข้อมูลเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ช่วงเย็นวันที่ 22 มิถุนายน 2564 เวลาประมาณ 18:30 น. หลายพื้นที่ในจังหวัดทางภาคเหนือ อาทิ เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำปาง มีรายงานผู้พบเห็นแสงสีฟ้าอมเขียว พุ่งจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก หลังจากนั้นได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น เกิดแรงสั่นสะเทือน สร้างความตกใจ อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานและไม่มีรายงานความเสียหาย

จากหลักฐานภาพ และคลิปจากการโพสต์ โดยคุณอาลิสา เซยะ ที่อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เบื้องต้นคาดว่าเป็น “ดาวตกชนิดระเบิด” (Bolide) โดยปกติแล้ว ดาวตกที่เข้ามาในชั้นบรรยากาศ จะเริ่มเกิดความร้อนสูงจนเกิดการลุกไหม้ที่ความสูงประมาณ 80-120 กิโลเมตร จึงมักจะสูงเกินกว่าที่จะได้ยินเสียง

E4fzV07VUAIzUmV

อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งดาวตก อาจจะแผ่คลื่นเสียงกระแทก (sonic boom) ในลักษณะเดียวกันกับเครื่องบินความเร็วเหนือเสียง ซึ่งสอดคล้องกับรายงานการพบเห็นที่ระบุว่า เห็นแสงวาบก่อนที่จะเห็นเสียงตามมา ซึ่งระยะเวลาระหว่างการพบเสียง และแสงนั้นจะขึ้นอยู่กับระยะห่างของดาวตกในขณะที่พบเห็น

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าวัตถุดังกล่าวนั้น จะตกลงมาถึงพื้นโลกเป็นอุกกาบาตหรือไม่ ดาวตกส่วนมากที่ตกลงมานั้นจะไหม้หมดไปในชั้นบรรยากาศ

สำหรับอุกกาบาตที่ใหญ่พอจนตกลงมาถึงพื้นโลกได้นั้น มีการประมาณการกันว่า มีอยู่ประมาณ 6,000 ดวงในทุก ๆ ปี แต่ส่วนมากนั้น ตกลงในมหาสมุทร หรือพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีผู้ใดพบเห็น

ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์นั้น มีอุกกาบาตเพียงไม่กี่ชิ้น ที่มนุษย์สามารถเก็บขึ้นมาได้ หลังจากมีผู้พบเห็นเป็นดาวตกอยู่บนท้องฟ้า

ในแต่ละวันจะมีอุกกาบาตเข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลกเป็นจำนวนมาก แต่โดยทั่วไปจะไหม้หมดไปตั้งแต่ความสูงนับร้อยกิโลเมตร ในชั้นบรรยากาศ

“ในทางดาราศาสตร์ถือเป็นเรื่องปกติ และสามารถอธิบายได้ ไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจ เพราะโอกาสที่จะเกิดอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินนั้นมีความเป็นไปได้น้อยมาก “นายศุภฤกษ์ กล่าวปิดท้าย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo