Politics

ครม.รับทราบ!! คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ ชี้เป็นการปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ

ครม. รับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2564 และแนวโน้มปี 2564 คาดว่าจะขยายตัว 1.5-2.5% พร้อมเดินหน้ามาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วานนี้ (18 พ.ค.) รับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2564 และแนวโน้มปี 2564 โดยเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2564 ลดลง 2.6% ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ที่ลดลง 4.2% ทำให้ไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ที่ 0.2%

โดยได้แรงสนับสนุนสำคัญ จากการกลับมาขยายตัวของการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ ขณะที่การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ปรับตัวลดลง 0.5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

ด้านการลงทุนรวม ขยายตัว 7.3% ปรับตัวดีขึ้นมากจากการลงทุนภาคเอกชน กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส ที่ 3.0% เช่นเดียวกับการลงทุนภาครัฐขยายตัวในเกณฑ์สูงที่ 19.6% สูงขึ้นจากการขยายตัว 0.6% ในไตรมาสก่อนหน้านี้ การลงทุนรัฐวิสาหกิจขยายตัว 9.3%

ครม.

ด้านการส่งออกสินค้า มีมูลค่า 64,004 ล้านดอลลาร์ กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาสที่ 5.3% สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน กลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ (17.3%) รถยนต์นั่ง (13.2%) รถกระบะ (44.8%) ผลิตภัณฑ์ยาง (53.1%) ยางพารา (38.1%) และมันสำปะหลัง (72.5%) เป็นต้น

กลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง ได้แก่ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ข้าว และน้ำตาล ด้านการผลิต การผลิตสินค้า อุตสาหกรรมและสาขาก่อสร้าง เกษตร สื่อสารและการเงิน มีการขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนที่พักแรมและบริการด้านอาหาร การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้ำ ไฟฟ้าและก๊าซ และการขายส่ง –ปลีก ลดลงต่อเนื่อง

ขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานอยู่ที่ 2% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 1.9% ในไตรมาสก่อนหน้า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ -0.5% ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 2.6 พันล้านดอลลาร์ (7.71 หมื่นล้านบาท) หรือคิดเป็น 1.9% ของ GDP เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม อยู่ที่ 2.46 แสนล้านดอลลาร์และหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 มีมูลค่าทั้งสิ้น 8,472,187.0 ล้านบาท คิดเป็น 53.3% ของ GDP

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2564 คาดว่าจะขยายตัว 1.5-2.5% เป็นการปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ จากการลดลง 6.1% ในปี 2563 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และปริมาณการค้าโลก แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐ และการปรับตัวตามฐานการขยายตัวที่ต่ำผิดปกติ ในปี 2563

ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้ำในรูปดอลลาร์ จะขยายตัว 10.3% ขณะที่การอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัว 1.6% และ 4.3% ตามลำดับ ส่วนการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัว 9.3% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วง 1.0-2.0% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 0.7% ของ GDP

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการบริหารเศรษฐกิจในปีนี้ ว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศ เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อและให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็ว รวมทั้งป้องกันการกลับมาระบาดรุนแรงในระลอกใหม่ โดยบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคและป้องกันการระบาดอย่างเคร่งครัด ยกระดับการเฝ้าระวังสอบสวนโรคเชิงรุก ในเขตพื้นที่หรือชุมชนที่มีความเสี่ยงสูงในกรุงเทพฯ หรือเขตเมืองต่าง ๆ จะเร่งรัดจัดหาและกระจายวัคซีน การพัฒนาศักยภาพของระบบสาธารณสุข และเร่งประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง

ขณะเดียวกัน ก็จะเดินหน้ามาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชน แรงงาน และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนการส่งออกสินค้า ส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน เร่งใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ เพื่อรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ พร้อม ๆ ไปกับการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการรักษาบรรยากาศทางการเมืองภายในประเทศด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo