Politics

‘หมอธีระวัฒน์’ เตือนระวัง 2 สายพันธุ์โควิด สิงคโปร์ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มยังติดได้

“หมอธีระวัฒน์” เตือนคนไทยคงวินัย รักษาระยะห่าง คนไทยได้วัคซีนครบ 2 เข็ม แล้วก็ตามอย่ามั่นใจ ระวัง “สายพันธุ์อินเดีย-แอฟริกา”  ยกเคสสิงคโปร์ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ยังติด “โควิด” ได้

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะ​แพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก “ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha” เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ “โควิด-19” ระบุว่า “วัคซีน และ คงวินัย รักษาระยะห่าง คนไทยได้วัคซีนครบ 2 เข็มแล้วก็ตามอย่ามั่นใจ สายพันธุ์เพี้ยน  อินเดีย แอฟริกา ไฟเซอร์ โมเดอนา ครบ 2 เข็มในสิงคโปร์ ยังติดเชื้อได้”

นอกจากนี้ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ยังโพสต์ด้วยว่า สายพันธุ์ที่ต้องจับตาสูง จนถึงกลายเป็นสายก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรง?

12/5/64

15/5/64

ในสิงคโปร์ พบสายอินเดียในชุมชนเองแล้ว และที่ติดสายอินเดียเป็นคนได้วัคซีน ไฟเซอร์ โมเดอนา ครบ 2 แล้ว

หมอธีระ ประสิทธิ์

โควิดซึ่งมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาจนกลายเป็นที่เรียกว่าสายพันธุ์ ที่ต้องจับตามองด้วยความกังวลสูง ( variant of high global concern ) ไปจนถึงที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเนื่อง (high consequence)

ล้วนแล้วแต่เกิดจากการระบาดที่รุนแรงแรงกว้างขวางจนเกิดการวิวัฒน์ ให้มีความเก่งกาจขึ้น (gain of function) ตั้งแต่ สายอังกฤษ แอฟริกาใต้บราซิลฟิลิปปินส์และจนอินเดีย ที่ถูกจัดจากองค์การอนามัยโลกให้ทั่วโลกจับตา และในอีกไม่ช้าไม่นาน ถ้าสถานการณ์คุมไม่ได้ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งก็จะเกิดมีสายใหม่เกิดขึ้นอีก

ในส่วนของสายอินเดีย ที่มีการตรวจพบมานานพอสมควรในประเทศไทย หลายรายด้วยกันแล้ว ในสถานกักตัว

ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตจากหมอและนักวิทยาศาสตร์อินเดียและหลายกลุ่ม ในไวรัสสายนี้มานานพอสมควร ที่ว่าสามารถ

“จับลึก” นั่นก็คือไถลลงไปจับกับหลอดลมส่วนลึกและถุงลมแทนที่จะเป็นโพรงจมูกและลำคอ

“จับแน่น” ทำให้มีความสามารถในการติดเชื้อได้เก่งขึ้นและจากนั้นแพร่ได้ง่ายขึ้น

“หลีกหนี” การมองเห็นการเฝ้าระวังตรวจตราของระบบป้องกันและภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีน

ทั้งนี้ยังหมายควบรวมไปถึงภูมิคุ้มกันที่ได้จากการติดเชื้อครั้งแรกจากโควิดธรรมดา และเมื่อติดเชื้อสายใหม่นี้ สามารถมองเห็นจับได้ แต่ไม่ยับยั้งไวรัสและกลับจับไวรัสไปส่งให้ เซลล์ที่มีหน้าที่ป้องกันไวรัส โดยมีหน้าที่ทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อ แต่กลับปล่อยสารอักเสบขึ้นมาแทนเลยเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อและต่อทุกระบบในร่างกาย

ถือเป็น “บาป” ที่ภูมิคุ้มกันไม่รู้จักปรับตัวพัฒนาขึ้นมาสู้กับของใหม่ (original antigenic sin: ที่ทราบกันมาตั้งแต่ปี 1960)

และในลำดับต่อไป ถ้าไวรัสมีการปรับเปลี่ยนส่วนท่อนต่างๆที่ปกติออกแบบมาอยู่แล้วเพื่อก่อโรคให้มีความรุนแรง และกลับรุนแรงขึ้นไปอีก จนมีปัญหาในการรักษาและรวมไปกระทั่งถึงดื้อยาที่ใช้ได้ผลอยู่ในปัจจุบัน จะกลายเป็น สายที่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างสูง

ทั้งหมดนี้สามารถชนะได้ด้วยวัคซีนพร้อมกับมีวินัยทั้งทางบุคคลและทางสังคมอย่างเข้มข้น

พยายามสงบการระบาดให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่อย่างไรก็ตามสายใหม่เหล่านี้ ต้องเล็ดลอดเข้ามาไม่ช้าก็เร็ว และแพร่ระหว่างคนไทยสู่คนไทย แต่ทั้งหมดเพื่อเป็นการซื้อเวลา เพื่อรอวัคซีนพัฒนารุ่นที่สองต่อไป

185265261 4499385830094936 1672424427267272198 n

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight