Politics

‘นายกรัฐมนตรี’ ประกาศยก ‘การฉีดวัคซีนโควิด’ เป็นวาระแห่งชาติ

“นายกรัฐมนตรี” ประกาศให้ “การฉีดวัคซีนโควิด” เป็นวาระแห่งชาติ วอนเข้ารับการฉีดให้มากที่สุด พร้อมชม “ลำปาง” ตื่นตัวดีเยี่ยม 

ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตอนหนึ่งว่า ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่จะทำให้เราเดินหน้าต่อไปได้ นั่นคือ “วัคซีน” ที่ผ่านมาเราได้เร่งระดมฉีดวัคซีน ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง รวมไปถึงผู้สูงอายุด้วย ซึ่งบางคนอาจจะอยู่ที่บ้านไม่สามารถมาฉีดได้ ก็ได้เร่งรัดทุกอย่าง รวมทั้งพื้นที่เศรษฐกิจ

วันนี้รวมฉีดไปแล้วเกือบ 2 ล้านโดส ตามวัคซีนที่เรามีอยู่ในเดือนนี้ และในช่วงที่ผ่านมา โดยระดมฉีดวันละหลายหมื่นโดส และจากมาตรการ จัดหาวัคซีนฉุกเฉินของรัฐบาล บางทีเราต้องค่อย ๆ สร้างความเข้าใจ เพราะบางทีอยู่ในขั้นตอนการเจรจา ว่ากว่าจะตกลงได้บางทีก็มาทีละ 5 แสนโดส บางทีขอต่อเขาเพิ่มเป็นล้านโดสเป็น 2 – 2.5 ล้านโดส

นายกรัฐมนตรี

เพราะฉะนั้นวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า น่าจะชัดเจนว่า เดือนพฤษภาคม ได้เพิ่มอีก 3.5 ล้านโดส และได้ความร่วมมือ จากภาคเอกชน ในการเพิ่มศักยภาพในการฉีดได้อีกมาก ขอย้ำว่า รัฐสามารถจัดหาวัคซีน ให้กับประชากรในประเทศได้ทุกคนอย่างแน่นอน และจะไม่หยุดในการจัดหา และสำรองใช้เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน

ซึ่งประเทศไทย จะเป็นประเทศเดียวในอาเซียน ที่เป็นศูนย์กลาง ในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซเนก้า ซึ่งผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ที่ได้มาตรฐานสูง ผ่านการรับรองคุณภาพจากทั่วโลก และจะสร้างความมั่นคงยั่งยืน ในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ในระยะยาว เพื่อสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจ และการแข่งขันให้กับ ประเทศชาติในอนาคตอีกด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ในที่ประชุม ครม. ตนได้เสนอให้ “การฉีดวัคซีน” เป็นวาระแห่งชาติ ที่จะต้องดำเนินการอย่างครบวงจร ทั้งการจัดหา การกระจาย ไปจนถึงการฉีดด้วย เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทยของเรา สิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้น จะเป็นจริงไปไม่ได้เลย หากประชาชนในประเทศไทย ไม่มาเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตนจึงขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกคน มาเข้ารับการฉีดวัคซีนกันให้มากที่สุด ประเทศไทยจึงจะเดินหน้าต่อไปได้

“ผมขอยืนยันว่า วัคซีนที่รัฐบาลนำเข้าทุกชนิด มีการตรวจสอบคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัยโดยได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว และปัจจุบันมีใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีคนฉีดไปแล้วหลายสิบล้านคน รวมทั้งผู้นำประเทศทั่วโลก ตามภาพข่าวที่มีการเผยแพร่ในการฉีดวัคซีน ตามที่เราได้นำเข้ามา ซึ่งผู้นำหลายประเทศก็ได้รับการฉีดไปแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

โดยผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก ต่างยืนยันว่า วัคซีนโควิดทุกชนิด สามารถป้องกันการป่วยรุนแรงได้ หากติดเชื้อ และป้องกันการเสียชีวิตได้เกือบ 100% ส่วนโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงนั้น มีน้อยมากหากเปรียบเทียบกันแล้ว กับโอกาสในการติดโควิด และเสียชีวิตจากโควิดนั้น มีสูงกว่าการฉีดแล้ว เกิดผลข้างเคียงหลายพันเท่า ฉีดดีกว่าไม่ฉีด และในการฉีดแต่ละครั้ง จำเป็นจะต้องมีแพทย์ผู้ทำการประเมินความเหมาะสม และคอยเฝ้าดูอาการหลังฉีดอีกด้วย ซึ่งผมเองรวมทั้งคณะรัฐมนตรี ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านต่าง ก็มีผู้ฉีดวัคซีนโควิดกันไปแล้วโดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ในขณะนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดจากการเปิดลงทะเบียน ยืนยันและนัดหมายการฉีดวัคซีน ผ่านระบบ “หมอพร้อม” และช่องทางต่าง ๆ สำหรับกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง มีผู้ลงทะเบียนแล้ว กว่า 1.6 ล้านคน สูงสุด คือ กทม. มากกว่า 5 แสนคน ตามมาด้วยลำปาง ซึ่งมียอดมากกว่า 2 แสนคน ซึ่งหากนับตามสัดส่วนประชากร ก็ต้องถือว่า “ลำปาง” ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนสูงที่สุดในประเทศ

“นับว่ามีความตื่นตัวในพื้นที่อย่างดีเยี่ยม ต้องขอขอบคุณ ทั้งนี้ก็ด้วยการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องของบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร และทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ต้องขอชื่นชมจังหวัดลำปาง และขอให้ทุกจังหวัดได้เร่งในเรื่องดังกล่าวและขอเป็นกาลังใจ ให้ทุก ๆ จังหวัด มีจานวนผู้มาขอรับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ยังได้พิจารณาโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก วงเงิน 45,000 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่นตนเอง ที่จะเร่งดำเนินการทันทีเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 บรรเทาลง โดยมีคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันเป็นกลไกสำคัญภายใต้การกำกับติดตามของรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo