ศาลฎีกายืนคุกอ่วม 2 แม่ลูก “จุฑามาศ” อดีตผู้ว่า ททท. 50 ปี ส่วนลูกสาว จำคุก 40 ปี ทุจริตรับสินบนเงินใต้โต๊ะ จากผัวเมียชาว อเมริกันจัดเทศกาลหนังนานาชาติกรุงเทพ
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีทุจริตเงินสินบนจัดเทศกาลภาพยนตร์กรุงเทพ หมายเลขดำ อท.46/2559 ที่ พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อายุ 73 ปี อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ น.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ อายุ 46 ปี บุตรสาว เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นพนักงาน เรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อการกระทำอย่างใดในหน้าที่ ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้อแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิตามสัญญาแก่หน่วยของรัฐ และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6, 11 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนรอราคาหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542 มาตรา 12
โดยอัยการโจทก์ ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 58 จากกรณีที่จำเลยทั้งสองร่วมกันรับเงินตอบแทนจาก สามี-ภรรยาชาวสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นนักธุรกิจภาพยนตร์ เพื่อให้ได้สิทธิในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ปี 2002-2007 (หรือปี พ.ศ. 2545-2550) มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาตั้งเเต่วันที่ 29 มี.ค.60 เห็นว่า พฤติการณ์ของนางจุฑามาศ จำเลยที่ 1 เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 มาตรา 12 และผิดฐานเรียกรับทรัพย์สินฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 ,12 ให้จำคุกนางจุฑามาศ จำเลยที่ 1 รวม 11 กระทงๆ ละ 6 ปี เป็นจำคุก 66 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงตามกฎหมายแล้ว ให้จำคุกสูงสุดเป็นเวลา 50 ปี ส่วนน.ส.จิตติโสภา จำเลยที่ 2 บุตรสาว จำคุกรวม 11 กระทงเช่นกัน กระทงละ 4 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 44 ปี ริบเงินกระทำผิด 1,822,494 เหรียญสหรัฐ และดอกผลที่เกิดขึ้นให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย โดยเงินนั้นเป็นทรัพย์ที่ฝากอยู่ในธนาคารต่างประเทศ ศาลจึงได้กำหนดมูลค่าทรัพย์ที่สั่งริบนั้น เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 62,724,776 บาท จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ มีคำพิพากษาแก้เมื่อวันที่ 8 พ.ค.62 ให้จำคุก น.ส.จิตติโสภา จำเลยที่ 2 รวม 10 กระทง (จากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 11 กระทง) กระทง ละ 4 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 40 ปี ส่วนนางจุฑามาศ จำเลยที่ 1มารดา คงจำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น 11 กระทงๆ ละ 6 ปี จำคุกทั้งสิ้น 66 ปี แต่เมื่อรวมโทษตามกฎหมายแล้ว ให้จำคุกสูงสุดเป็นเวลา 50 ปีเเละให้ยกคำสั่งริบทรัพย์ของศาลชั้นต้นที่ให้ริบเงินที่เป็นการกระทำผิดซึ่งเป็นเงินในบัญชีต่างประเทศกว่า 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐด้วย
เนื่องจากเป็นการวินิจฉัยเกินคำขอ เพราะคดีนี้อัยการโจทก์ไม่ได้มีคำขอให้ริบของกลางหรือเงินใดๆ ไว้ท้ายฟ้อง และบทเฉพาะกาลตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 52 บัญญัติ ให้บรรดาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบที่ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนวันที่ พ.ร.บ.ดังกล่าวใช้บังคับนั้น ให้บังคับตามกฎหมายซึ่งใช้อยู่ก่อน ดังนั้นคดีนี้จึงต้องใช้บทบัญญัติกฎหมายคดีอาญาสามัญ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่นำมาตรการริบทรัพย์สินในคดีทุจริตไม่ว่าโจทก์จะมีคำขอหรือไม่ก็ตาม ตามมาตรา 31(2) , มาตรา 32(2) และมาตรา 33 วรรคหนึ่งนั้นมาใช้กับคดีนี้ เป็นการพิพากษาเกินคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ เจำเลยทั้งสองยื่นฎีกาขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องอีก
โดยในวันนี้ศาลเบิกตัว นางจุฑามาศและ น.ส.จิตติโสภา จำเลยสองแม่ลูกซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง มาศาลเพื่อฟังคำพิพากษาฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันโดยละเอียดรอบคอบเเล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้องจริง ที่ศาลอุทธรณ์ฯพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองมานั้นเหมาะสมแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำตัวสองแม่ลูกขึ้นรถยนต์กลับไปคุมขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางตามคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘นายกฯ’ กำชับเจ้าหน้าที่ ‘ม็อบ’ บุกรัฐสภา 17-18 พ.ย. ต้องเรียบร้อย!
- ‘บิ๊กป้อม’ เตรียมพร้อมรับมือม็อบ 2 ฝ่ายบุกสภาวันถกร่างรธน.
- คนละครึ่งเฟส 2 เปิดเงื่อนไขสำคัญ เคยได้แล้ว ชิงสิทธิ์อีกได้มั้ย เช็คเลย!