Politics

ปล่อยตัว ‘อานนท์- สมยศ- เอกชัย- สุรนาถ’ ออกจากคุกแล้ว

ปล่อยตัวแกนนำ “อานนท์- สมยศ- เอกชัย- สุรนาถ” ออกจากคุกแล้ว “ทนายอานนท์” ขอบคุณทุกกำลังใจและการสนับสนุน สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันเหมือนเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 ที่ศาลแขวงดุสิต ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) เป็นโจทก์ฟ้องนายอานนท์ นำภา, น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว, นายกรกช แสงเย็นพันธ์, นายอานันท์ ลุ่มจันทร์, นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ, นายเอฐ์เรียฐ์ ฟอฟิ และนายปิยรัฐ จงเทพ กลุ่มแกนนำและผู้ชุมนุมคณะราษฎร 2563 เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดต่อ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง

ปล่อยตัวแกนนำ
ภาพจาก TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน @TLHR2014

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 7 และให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2563 จำเลยที่ 1-7 ร่วมกันกางจอภาพสีขาว มีเสาด้านข้างวางหมุดคณะราษฎรลงบนทางเดินรถ วางเครื่องฉายโฮโลแกรมบนทางเท้าถนนราชดำเนินกลาง บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิป ไตย แล้วฉายโฮโลแกรมอ่านประกาศของคณะราษฎรลงบนจอภาพ “ลบยังไง ก็ไม่ลืม” อันเป็นการตั้ง วาง กองวัตถุ หรือสิ่งของ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใดๆ บนถนน ทาง ซึ่งมิใช่บริเวณที่เจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศกำหนดด้วยความเห็นชอบของเจ้าพนักงานจราจร มีลักษณะกีดขวางการจราจร กีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัย หรือความสะดวกในการจราจร อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย

ศาลพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานร่วมกันตั้ง วาง กองวัตถุใดๆ บนถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ หรือกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรฯ เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันตั้งวางกองวัตถุใดๆ บนถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ซึ่งเป็นบทหนักสุด ปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 1,000 บาท ฐานใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 200 บาท รวมปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 1,200 บาท

ส่วนจำเลยที่ 2-7 มีความผิดฐานร่วมกัน ตั้ง วาง กองวัตถุใดๆ บนถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ หรือกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรฯ เป็น การกระทำความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันตั้งวางกองวัตถุใดๆ บนถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ซึ่งเป็นบทหนักสุด ปรับจำเลยที่ 2-7 คนละ 1,000 บาท จำเลยทั้ง 7 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 600 บาท คงปรับจำเลยที่ 2-7 คนละ 500 บาท

ที่ศาลแขวงปทุมวัน พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ยื่นผัดฟ้องฝากขังน.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล จำนวน 2 สำนวน คดีความผิดตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 จากกรณีนำมวลชนร่วมชุมนุมที่สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน กทม. วันที่ 5 มิถุนายน 2563 และวันที่ 22 มิถุนายน 2563

ปล่อยตัวแกนนำ
ภาพจาก TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน @TLHR2014

ศาลพิเคราะห์คำร้อง คำคัดค้านข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้ต้องหาคดีนี้ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกระทำความผิดกับผู้ต้องหาอื่นอีก 2 คน รวมเป็น 3 คน การสอบสวนได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยส่งสำนวนการสอบสวน ผู้ต้องหาที่ร่วมกระทำความผิดอีก 2 คน ไปให้พนักงานอัยการฟ้องคดี สำหรับผู้ต้องหาคดีนี้เหลือเพียงรอผลการตรวจสอบประวัติ การกระทำความผิดเท่านั้น

ประกอบกับ ผู้ต้องหายังเป็นนักศึกษามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่ปรากฏว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือ ก่อเหตุอันตรายประการอื่น จึงยังไม่มีความจำเป็นให้คุมขังไว้ จึงยกคำร้องขอฝากขัง โดยอนุญาตให้ผัดฟ้องได้ 6 วัน และให้ เพิกถอนหมายจับผู้ต้องหาออกจากฐาน ข้อมูล

จากกรณีศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่เห็นควรอนุมัติหมายจับ น.ส.ภัสราวลี หรือมายด์ ธนกิจวิบูลย์ผล อายุ 25 ปี, นายกรกช แสงเย็นพันธ์ อายุ 28 ปี, นายชนินทร์ วงษ์ศรี อายุ 20 ปี, นายชลธิศ โชติสวัสดิ์ อายุ 21 ปี และน.ส.เบนจา อะปัญ อายุ 21 ปี ตามที่ตำรวจยื่นคำร้องขอ สืบเนื่องจากผู้ต้องหาร่วมกันชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย โดยศาลเห็นว่าทั้ง 5 คนยังเป็นนักศึกษา และให้ออกหมายเรียกตามปกติแทน

ส่วนกรณีพนักงานสอบสวน สภ.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ดำเนินคดีนายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก สืบเนื่องจากชูป้ายประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขณะไปตรวจสถานการณ์โควิด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมนั้น นายธีรพันธ์ พันธ์คีรี ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน แจ้งว่าศาลแขวงระยองไต่สวน และคำสั่งยกคำร้องขอฝากขัง ไม่อนุญาตให้ตำรวจนำตัวไปควบคุม หรือขัง โดยศาลให้เหตุผล ว่าการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของ ผู้ต้องหา เป็นขั้นตอนที่ดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องควบคุมผู้ต้องหา และปัจจุบัน ผู้ต้องหาเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จึงไม่มีพฤติการณ์หลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงให้ยกคำร้องขอฝากขัง

วันเดียวกัน เวลา 17.00 น. ศาลอาญายกคำร้องขอฝากขังนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข, นายเอกชัย หงส์กังวาน, นายสุรนาถ แป้นประเสริฐ และนายอานนท์ นำภา ภายหลังทั้ง 4 ถูกคุมขังเกือบ 20 วัน โดยทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครในช่วงค่ำที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ด้านนายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบคณะราษฎร 63 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กครั้งแรกในรอบครึ่งเดือนหลังได้รับการ ปล่อยตัว ว่า
“ผมออกจากคุกแล้วครับ
ขอบคุณทุกกำลังใจและการสนับสนุน
สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันเหมือนเดิม
เชื่อมั่นและศรัทธา”

ขอบคุณ TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน @TLHR2014

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo