Politics

นครบาลจัด 4 กองร้อยดูแลเข้ม! 2 กลุ่มผู้ชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ตำรวจนครบาลจัดกำลัง 4 กองร้อย ดูแลความปลอดภัย 2 กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยการชุมนุมในวันนี้ว่า ตำรวจนครบาลได้จัดเตรียมกำลังดูแลความปลอดภัยการชุมนุมของ 2 กลุ่ม จำนวน 4 กองร้อย ซึ่งการดูแลความปลอดภัยจะเป็นไปตาม พ.ร.บ.การชุมนุมฯ มาตรา 19 และพร้อมเสริมกำลังทันที หากสถานการณ์ส่อเค้ารุนแรง โดยจะดูแลทั้งความปลอดภัยของผู้ชุมนุม และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อไม่ให้การชุมนุมกระทบกับเส้นทางสัญจร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมของกลุ่มมวลชน 2 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มของศูนย์กลางประสานงานนักศึกษาอาชีวะประชาชนปกป้องสถาบันฯ ที่ประกาศรวมตัวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. เพื่อจับตา “กลุ่มเยาวชนปลดแอก” ที่จะจัดชุมนุมใหญ่ในเวลาประมาณ 15.00 น.

ม็อบปลดแอก16863

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีกลุ่มเยาวชนปลดแอก และกลุ่มประชาชนปลดแอก ประกาศเชิญชวนเยาวชน นักศึกษา และประชาชน ให้มาร่วมชุมนุม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเย็นวันที่ 16 สิงหาคม นี้ โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1.หยุดคุกคามประชาชน 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และ 3.ยุบสภา และยังมี 2 จุดยืน คือ 1.ไม่เอารัฐประหาร 2.ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ รวมถึงอีก 1 ความฝัน คือ ประเทศไทยจะต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง

นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มศูนย์กลางประสานงาน นักศึกษา อาชีวะ ประชาชน ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ (ศอปส.) จะมาเข้าสังเกตการณ์การจัดชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกดังกล่าว เพื่อจับผิดการชุมนุมด้วยนั้น

นายศรีสุวรรณ ระบุว่า การจัดชุมนุมดังกล่าว ไม่ว่าเป็นกลุ่มใด แม้จะเป็นสิทธิเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.34 วรรคแรก บัญญัติไว้ แต่ในวรรคดังกล่าวรัฐธรรมนูญก็กำหนดข้อยกเว้นไว้ คือ “เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐเพื่อคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชน”

ในขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ยกเลิกการประกาศบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉิน และข้อกำหนด เพื่อป้องกันแก้ไขการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 การจัดการชุมนุมใดๆที่กระทบต่อความมั่นคง กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น กระทบต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน และกระทบต่อการป้องกันสุขภาพของประชาชน ถือว่า “ผิดกฎหมาย” ทั้งหมด

ศรีสุวรรณชุมนุม1681

นายศรีสุวรรณ ระบุว่า ดังนั้น ไม่ว่ากลุ่มใดก็ตามไปจัดชุมนุม และขึ้นปราศรัยไม่ว่าจุดใด ย่อมผิดกฎหมายทั้งหมด และอาจจะต้องถูกตั้งข้อหาดังต่อไปนี้แน่นอน อาทิ

– ร่วมกันกระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างในหมู่ประชาชนฯ

– ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิด

– ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรม ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกัน ชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัด อันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค

– กระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตราย หรือโรคแพร่ระบาดออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ

– ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนอาจเป็นอุปสรรคด้านความปลอดภัย หรือความไม่สะดวกในการจราจรฯ

– ร่วมกันวางหรือแขวนสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือกระทำด้วยประการใดในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร

– ร่วมกันตั้ง วาง หรือกองวัตถุใด ๆ บนถนน

– ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

– ร่วมกันใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

“ข้อหาเหล่านี้ถือว่าเป็นข้อหาพื้นๆตามประมวลกฎหมายอาญา พรก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อเท่านั้น แต่ถ้าใครก้าวล่วงบังอาจให้ร้ายโจมตีสถาบันกษัตริย์ ก็จงเตรียมตัวรับข้อหา ม.112 ด้วยเลย และถ้าใครถูกศาลตั้งเงื่อนไขให้ประกันตัวไว้ แล้วยังมาขึ้นเวทีนี้อีก จงเตรียมใจไปนอนซังเตได้ ถึงเวลานั้น “คิดจะปากกล้า ก็อย่าขาสั่น” ก็แล้วกัน” นายศรีสุวรรณ กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo