Politics

รื้อ ‘บอมเบย์เบอร์ม่า’ ผิดกม.ชัดเจน ‘ส.ว.คำนูณ’ จี้ ‘กรมศิลป์’ เอาผิด!

รื้อบอมเบย์เบอร์ม่า! ผิดกฎหมายชัดเจน “ส.ว.คำนูณ” จี้ “กรมศิลปากร” แจ้งเอาผิด ลั่นแม้ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแต่ถือเป็นโบราณสถานตามความในมาตรา 4 อยู่ดี

นาย คำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีการรื้อถอนอาคารศูนย์เรียนรู้ป่าไม้ สวนรุกขชาติเชตวัน จังหวัดแพร่ อันเป็นบ้านไม้โบราณอายุเกือบ 130 ปี และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะที่เคยเป็นสำนักงานของบริษัท “บอมเบย์เบอร์ม่า” ที่เข้ามารับสัมปทานทำป่าไม้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ว่า ในเบื้องต้นกรมศิลปากรควรต้องดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษผู้เกี่ยวข้องต่อพนักงานสอบสวน เพื่อสืบสวนสอบสวนสาเหตุที่แท้จริง เพราะเป็นการกระทำผิดกฎหมายโบราณสถานฯ 2504 แก้ไขปรับปรุง 2535 โดยชัดแจ้ง เป็นการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาต และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดจากกรมศิลปากร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รื้อบอมเบย์เบอร์ม่า

ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงจากการประชุมชี้แจงระหว่างหน่วยราชการต่างๆ กับเครือข่ายภาคประชาชนที่ศาลากลางจังหวัดแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ปรากฏชัดเจนว่า ไม่ได้มีแจ้งกรมศิลปากรอย่างสมบูรณ์ก่อนการรื้อถอน และกรมศิลปากรยังรอเอกสารจากสำนักงารบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) อยู่ แต่ก็เกิดการรื้อถอนขึ้นก่อน

“แม้กรมศิลปากรจะพยายามเข้ามาเยียวยา โดยจะพยายามสร้างใหม่ให้ใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับว่าจะต้องใช้งบประมาณแผ่นดินมากกว่าที่โครงการนี้มีอยู่ 4.5 ล้านบาทแน่นอน และการสร้างใหม่โดยไม่มีแผนการศึกษาตามหลักการบูรณะโบราณสถานไว้ก่อนอย่างชัดเจนจะทำให้เกิดความยุ่งยากมากขึ้น สิ้นเปลืองงบประมาณมากขึ้น เป็นความเสียหายแก่แผ่นดิน ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ” นายคำนูณ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เคยมีคดีตัวอย่างมาแล้ว เช่น คดีหมายเลขดำที่ อท. 34/2562 เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษาลงโทษเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร กทม. โทษฐานรื้อถอนศาลารายและกุฏิอันเป็นโบราณสถาน โดยคดีนี้นายบวรเวท รุ่งรุจี ผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากรในอดีต ได้เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม เมื่อปี 2558

หลังจากตรวจพบการกระทำที่เข้าข่ายเป็นความผิดตามพ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 10, 32 และ 35 รวมทั้งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในกรณีนี้ยังมีคดีเกี่ยวเนื่องอีกหลายคดี รวมทั้งคดีแพ่งที่กรมศิลปากรฟ้องเรียกค่าเสียหายอึก

รื้อบอมเบย์เบอร์ม่า
ภาพจากเฟซบุ๊ก Kamnoon Sidhisamarn

นายคำนูณ กล่าวว่า แม้บ้านบอมเบย์เบอร์ม่า จะไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานจากกรมศิลปากร และอยู่นอกเขตอนุรักษ์เมืองเก่า แต่บ้านบอมเบย์เบอร์ม่าก็ยังถือเป็นโบราณสถานตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติโบราณสถานฯอยู่ดี โดยเป็นโบราณสถานประเภทที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน การจะซ่อมแซมปรับปรุงรื้อถอนหรือทำให้เปลี่ยนสภาพด้วยวิธีการต้องได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้เป็นไปตามมาตรา 10 ผู้ใดฝ่าฝืนย่อมมีโทษทางอาญา

“การไม่ได้ขึ้นทะเบียน ไม่ได้แปลว่า ไม่ได้เป็นโบราณสถาน เรื่องนี้ยังเข้าใจผิดกันอยู่มาก หากอ่านมาตรา 32 โดยนัยจะเห็นชัดเจนว่ากฎหมายแบ่งแยกโบราณออกเป็น 2 ประเภท และกำหนดไว้ว่าการกระทำผิดต่อโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วจะมีโทษหนักกว่า โดยในวันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน นี้ ผมจะตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีในกรณี รื้อบอมเบย์เบอร์ม่า นี้ หวังว่าจะได้รับการบรรจุ และนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งมาตอบ” นายคำนูณ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ส.ว.คำนูณ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ก่อนหน้านี้ว่า “อาชญากรรมที่จังหวัดแพร่!” เหตุที่เกิดขึ้นกับ บ้านโบราณสถานอายุเกือบ 130 ปี อันเคยเป็นที่ทำการของบริษัท “บอมเบย์เบอร์ม่า” ในอดีต และปัจจุบันเป็น อาคารศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ สวนรุกขชาติเชตวัน ถนนยันตรกิจโกศล ตำบลป่าแมต อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ภายใต้การดูแลของสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) กรมอุทยานแก่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาจกล่าวได้ว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายอาชญากรรม อย่างน้อยก็ในความหมายอย่างกว้าง

ปล่อยให้ผ่านไปง่าย ๆ ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นอาชญากรรมลักษณะนี้ ก็จะยังมีโอกาสเกิดขึ้นอีกต่อไป สมควรทำความจริงให้เป็นที่ประจักษ์

รัฐบาลอย่าเพียงแต่ปกป้องหน่วยงานในสังกัด และข้าราชการประจำ การกระทำใดเข้าข่ายผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะโดยเจตนา หรือประมาท ต้องยอมรับ และดำเนินการไปตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งวางมาตรการป้องกันอย่างเป็นระบบ และเร่งด่วนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุผิดซ้ำซาก สมดังที่ท่านนายกรัฐมนตรี กล่าวกับประชาชนว่า จะต้องปรับเปลี่ยนการบริหารราชการแผ่นดินให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่หลังโควิด-19

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Kamnoon Sidhisamarn

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK