Politics

‘ลูกสาวบรรยิน’ ห่วงพ่อคิดสั้น! มองแผนแหกคุกเป็นไปไม่ได้ไม่ใช่ ‘ซุปเปอร์ฮีโร่’

“ลูกสาวบรรยิน” ห่วงพ่อคิดสั้น! มองแผนแหกคุกแค่ข่าวลือ เป็นไปไม่ได้เพราะพ่อไม่ใช่ “ซุปเปอร์ฮีโร่” ที่จะก่อเหตุได้ขนาดนั้น วอนอย่าซ้ำเติมกันอีก

น.ส.บุษญา ตั้งภากรณ์ หรือ เบล บุตรสาวของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำเลยในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา กล่าวว่า ทราบข่าวเกี่ยวกับการแหกคุกของพ่อแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาทุกครั้งไปเยี่ยมพ่อในเรือนจำ พ่อก็ไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวคิดว่า แผนการที่ปรากฎตามข่าวน่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะพ่อตนเองไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่ ที่จะก่อเหตุได้ขนาดนั้น และ ขณะนี้ก็ถูกศาลเพ่งเล็งจับตามองอย่างใกล้ชิด วอนขอประชาชน ให้เข้าใจว่าเรื่องการแหกคุกยังเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น

ลูกสาวบรรยิน
ขอบคุณภาพจากอินสตาแกรม บุษญา ตั้งภากรณ์

“เรื่องแหกคุกอะไรแบบนี้ ดิฉันว่ามันยังไม่ได้เกิด มันก็เป็นแค่ข่าวลือ ที่คนพูดมาไม่สามารถสรุปเป็นความจริงได้ว่า มันเกิดขึ้นแล้วแต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่เถียงแต่อันนี้เหมือนเป็นข่าวขึ้นมา แล้วทุกคนโจมตีพ่ออยู่แล้ว แล้วมันยังไม่เกิดขึ้น ก็ไม่น่าจะเอามาซ้ำเติมกันอีก เพราะเขาอยู่ในนั้นเขาก็ทรมานมากแล้ว เป็นห่วงและกังวลใจมาก โดยเฉพาะเรื่องที่มีข่าวว่า พ่อคิดสั้น แต่ขณะนี้ คุณพ่อและครอบครัว ได้ถูกสังคมตัดสินไปแล้ว” ลูกสาวบรรยิน กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ตนเองได้เข้าไปเยี่ยม คุณพ่อ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้มีการพูดคุยกับคุณพ่อ เป็นครั้งแรกหลังจากที่กรมราชทัณฑ์ ประกาศงดเยี่ยมญาติ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยยอมรับว่า คุณพ่อมีอาการเครียดและกดดัน

หลังจากนั้นก็ทราบว่า คุณพ่อถูกย้ายไปคุมขังที่เรือนจำบางขวาง และห้ามญาติเข้าเยี่ยมโดยเด็ดขาด ส่วนสาเหตุเข้าใจได้ว่า เป็นเพราะตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ในคดีสำคัญ ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่ง ในการถูกย้ายสถานที่คุมขังในครั้งนี้ โดยเหตุการณ์ทั้งหมด เกิดขึ้นได้มีการหารือ และ พูดคุยกับคนในครอบครัวแล้ว แต่ก็ยังไม่แสดงความคิดเห็นอะไร ส่วนเรื่องคดีความ ก็จะต้องต่อสู้ไปตามกระบวนการของกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากที่ชุดสืบสวน กองปราบปราม ได้จับกุมตัว นายโจ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลักทรัพย์ หลังได้รับการประกันตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่ยังคงมีหมายจับค้างเก่าติดตัวอีก 1 หมาย จากนั้นนำตัวมาสอบปากคำ

เบื้องต้นนายโจ ให้การรับสารภาพว่า ที่ได้ประกันตัวออกมาเป็นเพราะ พ.ต.ท.บรรยิน ที่รู้จักกันในเรือนจำฯ ได้ให้ทนายความส่วนตัว ติดต่อทนายความอีกคนให้มาประกันตัวออกจากเรือนจำ โดยอ้างว่า ที่ พ.ต.ท.บรรยิน ช่วยเหลือในครั้งนี้ เพราะตอนอยู่ในเรือนจำรู้จักกันกับ พ.ต.ท.บรรยิน และ พ.ต.ท.บรรยิน สั่งให้ทำงานให้ 2 ข้อ

1. ให้หาทางชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน ออกจากคุก

2. หากทำข้อแรกไม่สำเร็จ ให้ลักพาตัวภรรยาของ ผบ.เรือนจำ มาให้ได้เพื่อใช้ต่อรองกับ ผบ.เรือนจำ เรื่องการหนีออกจากคุก พร้อมทั้งยังให้เบอร์ของ ส.ส.คนหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ที่เคยเป็นลูกน้องของ พ.ต.ท.บรรยิน เพื่อให้ร่วมกันวางแผนในครั้งนี้ ซึ่งโทรไปแล้ว แต่อดีตลูกน้องไม่ขอร่วมด้วย

นอกจาก นายโจแล้ว ชุดสืบสวนยังทราบว่า มีนายท็อป อายุ 30 ปี ผู้ต้องหากรรโชกทรัพย์อีกคน ที่ พ.ต.ท.บรรยิน สั่งให้ทำงานนี้ ซึ่งนายท็อป เป็นคนบ้านเดียวกันกับ พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งขณะอยู่ในเรือนจำ มีความสนิทสนมกับ พ.ต.ท.บรรยิน ก่อนได้รับการปล่อยตัวออกมาจากการประกันตัว หลังทราบเรื่อง ชุดสืบสวนกองปราบปราม ได้ออกหาเบาะแส จนสามารถจับกุมตัวนายท็อปได้ เมื่อวันจันทร์ที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา

สอบสวน นายท็อป รับว่า รู้จักกับ พ.ต.ท.บรรยิน ในเรือนจำจริง และอ้างว่าระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ พ.ต.ท.บรรยิน ได้สั่งให้หาทางช่วยเหลือออกจากคุก เช่นเดียวกับนายโจ ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยิน ได้เล่ารายละเอียดในการวางแผน ว่า จะมีคนมาวางระเบิดข้างเรือนจำ จากนั้น จะล้มเสาธงชาติกลางลานสนามหญ้า เพื่อใช้ปีนหนี เมื่อออกมาได้ จะมีเฮลิคอปเตอร์มารับตัวอีกทีหนึ่ง

นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่า พ.ต.ท.บรรยิน ได้พยายามฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่ไปพบ และเข้าช่วยเหลือไว้ได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo