ระวัง!! “กรมอนามัย” หวั่น “สงกรานต์” ทำ “ไวรัสโควิด” ระบาดหนัก เผยเชื้อมีชีวิตอยู่ในน้ำได้นาน 4-10 วัน
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด 19 มีสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด คือ ช่วงสงกรานต์ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีแนวโน้มจะลดลงกลับมาสูงพุ่งพรวดขึ้นไปก็ได้ถ้าหากมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ซึ่ง “WHO China” แจ้งข้อมูลว่าในประเทศจีนพบว่าการแพร่เชื้อในครอบครัวในจีนมีจำนวน 78-85%
ขณะที่จากการรวบรวมข้อมูลตัวเลขของกรมอนามัย พบว่าผู้ป่วยติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน จำนวน 495 รายนั้น สาเหตุสูงอันดับ 1 มาจากครอบครัวโดยสัมผัสใกล้ชิดกันคู่สามี ภรรยา 56% ขณะเดียวกันคนเหล่านี้มีโอกาสแพร่เชื้อจากการจับกลุ่มและยังทำกิจกรรมในที่ทำงาน รองลงมาพ่อแม่ 25% อันดับถัดไปเป็นเด็กหรือลูก ซึ่งคนกลุ่มนี้พบอัตราติดเชื้อน้อย แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าติดเชื้อแล้วมีอาการน้อยมาก
อย่างไรก็ตาม ถ้าสงกรานต์นี้เราไม่ระมัดระวัง ก็อาจจะทำให้ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อสูงพุ่งพรวดขึ้นมาได้ ซึ่งกรมอนามัยได้วิเคราะห์ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในช่วงสงกรานต์มี 3 เสี่ยง (เลี่ยงได้) ได้แก่
1. คนเดินทางไปเยี่ยมบ้าน แม้จะประกาศเคอร์ฟิว แต่เมื่อถึงเวลา 04.00 น. เปิดเคอร์ฟิว คนก็จะเริ่มออกเดินทางกลับบ้าน
2. กินเลี้ยงสังสรรค์ แม้จะออกกฎหมายห้ามขายสุรา แต่ว่ามีคนซื้อสุรามาตุนไว้แล้ว ซึ่งสงกรานต์ปีนี้ให้ใช้สโลแกนว่า”สงกรานต์สร้างบุญ หยุดสังสรรค์”เพื่อที่จะไม่ต้องไปกินเลี้ยงและอาจติดเชื้อกลับมา
3. การกราบไหว้รดน้ำดำหัวขอพรจากผู้ใหญ่นั้น แม้จะเป็นประเพณีที่ดีงามของสังคมไทยแต่ควรเลี่ยง โดยให้ใช้วิธีอวยพรทางไกลแทนการเดินทางไป เพราะอาจจะนำเชื้อไปให้พ่อ-แม่ คุณตา-คุณยายได้ หรือใช้วิธีการกราบไหว้เว้นระยะห่าง 2 เมตร จะปลอดภัย
“วันนี้เราจัดการโควิดได้ดีแล้ว แต่สิ่งที่ต้องขอ คือ การ์ดอย่าตก ถ้าการ์ดตกเมื่อไหร่ปั๊บ โควิดจะกลับมาอีก เพราะในช่วงเทศกาลสงกรานต์มีโอกาสสูงที่โควิดจะแพร่กระจายได้ง่ายด้วยการใช้น้ำ เพราะเชื้อโรคอยู่ในน้ำได้นาน 4-10 วัน ทั้งที่ปกติเชื้ออยู่ในอากาศเดี๋ยวเดียวก็เสียชีวิตแล้ว” นพ.บัญชา กล่าว
