Politics

เปิดเอกสารลับ คำตอบกฤษฎีกา ปมคุณสมบัติ-ลักษณะต้องห้ามของ ‘รัฐมนตรี’

เปิดเอกสารลับ คำตอบกฤษฎีกา ปมคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามของ “รัฐมนตรี”

ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีกลุ่ม สว.จำนวน 40 คนร่วมลงชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) ว่าด้วยมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่

เอกสาร

ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเคยทำหนังสือหารือสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ในช่วงที่มีการจัดทำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยมีชื่อของนายพิชิต ชื่นบาน จะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย

โดยมีรายงานว่า นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ทำหนังสือที่ ที่ นร 0904/152 ตอบกลับไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 1 กันยายน 2566 มีรายละเอียดดังนี้

ตามหนังสือที่อ้างถึง สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีขอให้สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี เฉพาะตามมาตรา 160(6) ประกอบกับมาตรา 98(7) และมาตรา 160(7) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ความละเอียดทราบแล้ว นั้น

สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาขอเรียนว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ)ได้พิจารณาข้อหารือดังกล่าว โดยมีผู้แทนสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและผู้แทนสํานักงานศาลยุติธรรมเป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริง และมีความเห็นในแต่ละประเด็น ดังนี้

ประเด็นที่หนึ่ง เห็นว่า มาตรา 160 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นบทบัญญัติที่กําหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลซึ่งจะมาดํารงตําแหน่งรัฐมนตรี โดยใน (6) ของมาตราดังกล่าวบัญญัติว่า รัฐมนตรีต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 ซึ่งมาตรา 98 (7) กําหนดลักษณะต้องห้ามไว้ว่า “เคยได้รับโทษจําคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ” ดังนั้น การได้รับโทษจําคุกไม่ว่าโดยคําพิพากษาหรือคําสั่งใดจึงเป็นลักษณะต้องห้ามในการดํารงตําแหน่งรัฐมนตรี บุคคลซึ่งเคยได้รับโทษจําคุกในความผิดฐานละเมิดอํานาจศาลจึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว เว้นแต่บุคคลนั้นได้พ้นโทษเกินสิบปีแล้ว หรือได้รับโทษจําคุกในความผิดอันได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ อันเป็นข้อยกเว้นที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้

ประเด็นที่สอง เห็นว่า มาตรา 160 (7) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติไว้ชัดเจนว่า รัฐมนตรีต้องไม่เป็นผู้ต้องคําพิพากษาให้จําคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทําโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวไม่รวมถึงคําสั่งให้จําคุก ดังนั้น ผู้ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีและผู้ดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีจึงต้องไม่เป็นผู้ต้องคําพิพากษาให้จําคุก

ทั้งนี้ การให้ความเห็นในกรณีนี้เป็นการตอบข้อหารือตามที่ผู้แทนสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีชี้แจงต่อกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ว่าประสงค์จะขอหารือเฉพาะกรณีมาตรา160 (6) ประกอบกับมาตรา 98 (7) และมาตรา 160 (7) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เท่านั้น

อนึ่ง ข้อหารือเกี่ยวข้องกับการพิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยอันเป็นหน้าที่และอํานาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัย การวินิจฉัยชี้ขาดเป็นที่สุดย่อมเป็นหน้าที่และอํานาจของศาลรัฐธรรมนูญ การให้ความเห็นในกรณีนี้ จึงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 160 เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี มีดังนี้

(1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด

(2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปี

(3) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

(4) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

(5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

(6) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98

(7) ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท

(8) ไม่เป็นผู้เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุกระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 186 หรือมาตรา 187 มาแล้วยังไม่ถึงสองปีนับถึงวันแต่งตั้งS 5783581

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo