ปมดึงกัญชาเป็นยาเสพติด ‘อนุทิน’ ย้ำไม่ได้ขัดแย้งพรรคร่วมรัฐบาล แต่ต้องคำนึงถึงทุกฝ่าย

โดย NAPAPORN PANITCHART 10 พฤษภาคม 2567

ปมดึงกัญชาเป็นยาเสพติด “อนุทิน” ย้ำไม่ได้ขัดแย้งพรรคร่วมรัฐบาล แต่ต้องคำนึงถึงทุกฝ่าย หลังกลุ่มธุรกิจกัญชาออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงกรณที่รัฐบาลจะนำกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติดว่า ทุกอย่างมีขั้นตอนโดยต้องผ่านคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด และคณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติ

ทุกอย่างมีขั้นตอน-ไม่ได้ขัดแย้งพรรคร่วมรัฐบาล

ตอนที่ปลดกัญชาออกจากยาเสพติด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กับตนเองก็อยู่ในกรรมการชุดนี้ มติในที่ประชุมเป็นเอกสาร ไม่ใช่มีมติเสียงข้างมาก-ข้างน้อย ตนก็ได้เรียนกับนายสมศักดิ์ไปว่า คงต้องรื้อรายงานการประชุม และมาดูว่าทำไมวันนั้นทั้งนายสมศักดิ์ ตนเอง และกรรมการอีกหลายคน ถึงสนับสนุนให้ถอดกัญชาออกจากยาเสพติด

ซึ่งตนได้คุยกับนายสมศักดิ์แล้ว มีหลายเรื่องที่เห็นตรงกันและไม่ตรงกัน ไม่ได้หมายความว่าขัดแย้งกัน ท่านเข้ามาเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขได้สัปดาห์เดียว เรื่องกัญชาตนทำมา 4 ปี ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว มั่นใจว่าวินาทีนี้ ตนน่าจะมีข้อมูลที่ต้องให้ นายสมศักดิ์ นำไปประกอบพิจารณา ซึ่งต้องเป็นข้อมูลที่ดีและมีประโยชน์ ไม่ได้ทำด้วยทิฐิ นโยบายของพรรคภูมิใจไทยใครจะมายุ่งเกี่ยวไม่ได้ก็ไม่ใช่ ต้องดูประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก

ส่วนที่ว่าจะกลายเป็นความขัดแย้งกับพรรคร่วม ตนว่าความขัดแย้งไม่ควรจะมี นโยบายกัญชาอยู่ในนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา เน้นใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อสุขภาพ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ในทางปฏิบัติก็อยู่ในกรอบมาตลอด ทุกอย่างต้องมีการควบคุมตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข

ต้องคำนึงถึงทุกฝ่าย

เรายึดประโยชน์ของประชาชน ทุกพรรคการเมืองต้องมองประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เราต้องมองประโยชน์ประชาชน แต่เรื่องนโยบายของแต่ละพรรค เราอยู่รัฐบาลเดียวกัน ต้องพยายามผลักดันเกื้อกูลกันให้มากที่สุด ให้นโยบายของแต่ละพรรคไปถึงฝั่งฝัน ได้ก็จะวินวินกับทุกคน

พรรคภูมิใจไทยก็มีนโยบายกัญชา ตอนที่มาร่วมรัฐบาลถึงได้ถูกบรรจุไว้ในนั้น หลายคนมีความเห็นไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเราอยู่ร่วมกันแล้ว ต้องเคารพนโยบายของแต่ละพรรค พรรคภูมิใจไทยก็ทำมาตลอด

ส่วนกรณีที่มีกลุ่มผู้สนับสนุนกัญชาออกมาคดค้าน และจะไปยื่นหนังสือที่ทำเบียบและสภาฯ นั้น คนกลุ่นี้ก็ต้องพยายารักษาผลประโยชน์ เพราะลงทุนในธุรกิจไปมาก ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ก็ต้องให้โอกาสพวกเขาชี้แจง และนำไปเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ โดยต้องคำนึงถึงทุกฝ่าย