Politics

‘พิธา’ ลุยดับไฟป่าเชียงใหม่ ระบุ พบข้อจำกัด ‘น้ำ-โลจิสติกส์’ ยันตามต่อปัญหาในอภิปราย-กมธ.สภาฯ

“พิธา” ลุย “เป่าลม-ฉีดน้ำ” ดับไฟป่าเชียงใหม่ พบข้อจำกัดน้ำน้อย ติดปัญหาโลจิสติกส์ ลั่นถ้าสวมบทกุมอำนาจบริหาร จะประกาศ “พื้นที่ภัยพิบัติ” ทันที ชี้ ทำงานต้องมีแผน ที่ไหนเกิดซ้ำซากควรบริหารล่วงหน้า ยันตามต่อแน่ใน อภิปราย-กมธ.สภาฯ

วันนี้ (16 มี.ค.) พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล และ ส.ส. พรรคก้าวไกลจังหวัดเชียงใหม่ เดินขึ้นเขาทุ่งปี๊ อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร่วมภารกิจดับไฟป่าเชียงใหม่ ตามกำหนดการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 16-17 มีนาคมนี้

ดับไฟป่าเชียงใหม่

นายพิธามาถึง ได้ใช้เครื่องมือดับไฟ ซึ่งดัดแปลงมาจากเครื่องพ่นยาฆ่าแมลง เพื่อดับไฟ และเครื่องพ่นลม ในการพ่นใบไม้ เพื่อสร้างเป็นแนวกันไฟ โดยมีอาสาสมัครมูลนิธิกระจกเงาคอยแนะนำ ท่ามกลางไฟที่ลุก และมีกระแสลมแรงตลอดเวลา

ระหว่างดับไฟ นายพิธาบอกว่า วันนี้ได้มาลองใช้เครื่องมือดับไฟ มีหลักการใช้อยู่ แต่ไม่ต้องถึงกับใช้ทักษะเยอะ ต้องควบคุมให้วัตถุเชื้อเพลิงกระจุก อ่านลมเป็น ตนคิดว่าทีมที่กระจุกตัว และเข้าถึงพื้นที่ได้เลยจะต้องมีประมาณ 30 คน น้อยกว่านี้ก็ไม่ได้ มากกว่านี้ก็ช้าไป ถ้ามี 30 คน จะมีคนเป็นม้าเร็ว มีคนที่ลงมือเป็นกองหน้า กองกลาง

ตอนนี้พบว่ามีปัญหาโลจิสติกส์ ถ้าเข้าไปถึงพื้นที่ได้ทัน รวดเร็วในขณะที่ไฟยังไม่กระจายจะจบเร็ว แต่ถ้าไปช้า จาก 1 จะกลายเป็น 10 จาก 10 จะกลายเป็น 100 ก็จะต้องไล่ตามปัญหา ทั้งยังพบว่าน้ำที่ใช้ดับไฟมีอยู่อย่างจำกัด มองว่าวิธีการแก้ปัญหาคือ หากทราบแล้วว่าพื้นที่ไหนไฟไหม้ป่าซ้ำซาก ควรจะมีการบริหารจัดการล่วงหน้า มีสถานีน้ำ

นายพิธา ยังเดินไปอีกจุดของเขาทุ่งปี๊ ซึ่งมีไฟไหม้มากกว่า ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ดับไฟ ก่อนจะให้สัมภาษณ์ ว่า มีความยากลำบาก คิดว่าจำนวนคนยังไม่พอ มองว่าปัญหาฝุ่น PM 2.5 กว่า 40% น่าจะเผาจากต่างประเทศ 20 % น่าจะเกิดจากไฟป่าในประเทศ และแก้ปัญหาไฟป่าได้แค่เพียง 10% เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นต้องดูว่าทีมแบบไหนที่ทำแล้วมีประสิทธิภาพมากที่สุด แล้วเพิ่มสเกลของทีมให้มาก

ดับไฟป่าเชียงใหม่

“ภาครัฐควรเติมคน เติมทีม งบก็ขอไป 1,000 ล้าน ได้มา 50 ล้านมั้ง ถ้าจำไม่ผิด ได้มาก็ตำบลละ 10,000 บาท เขาก็ซื้อเครื่องเป่าลม เครื่อง 4,700 บาท ได้แค่ 2 เครื่อง”

นายพิธา กล่าวต่อว่า ถ้าประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินจะเป็นการดีที่สุด สามารถเอางบกลางมาใช้ได้ ส่วนการลงพื้นที่ดับไฟป่าเชียงใหม่ในครั้งนี้ จะช่วยในการออกแบบการแก้ปัญหาหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า พอได้มาเห็นสภาพจริงแล้ว จะมาฉีดน้ำมั่วไม่ได้ แถมต้องแข่งกับลม แข่งกับเวลา แข่งกับทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด คิดว่าจำนวน ยังไม่พอเพราะปัญหา PM  2.5 ของเชียงใหม่

เมื่อถามว่าหากมีอำนาจรัฐในมือ สิ่งแรกที่จะทำคืออะไร นายพิธา กล่าวว่า จะประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ หากตัวเลขยังเป็นแบบนี้ต้องประกาศหยุดเรียน เพิ่มหน้ากาก N95 ให้หาซื้อได้ในราคาที่ย่อมเยาหรือแจกฟรี และมานั่งดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แก้ที่ต้นเหตุดีกว่าปลายเหตุ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องประกาศ ทำเป็นเงื่อนไขให้ชัดเจน

เมื่อถามว่าปีที่แล้วมีการออกมาพูดถึงเรื่องการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นต้นเหตุของฝุ่น PM 2.5 สาเหตุของปีนี้ยังเป็นแบบเดิมหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่ดู จุดความร้อน 40% จะอยู่ที่เมียนมา และกัมพูชา ในประเทศไทยมาจากไฟป่าพื้นที่เกษตรแทบจะไม่มี ตอนนี้ถึงเคลียร์พื้นที่ให้ได้มากที่สุด ก็เป็นเพียงแค่ 2% ของพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งเป็นการเกาถูกที่คัน แต่ยังไม่พอ หลังจากนี้จะนำไปอภิปรายและเข้าสู่กรรมาธิการ สภาฯ

ดับไฟป่าเชียงใหม่

“ที่บางทีเลือกฉีด บางทีฉีดไป เพราะน้ำมีไม่พอ น้ำมีอยู่อย่างจำกัด ถ้ามีธนาคารน้ำ หรือสถานีน้ำวางอยู่ก็สามารถใช้ได้เต็มที่ สามารถดับไฟได้เร็วมากขึ้น”

บางช่วงของการดับไฟ ผู้สื่อข่าวแซวนายพิธาว่าวันนี้ครูฝึกให้คะแนนแค่ 5 คะแนน เต็ม 10 นายพิธา แซวกลับว่า เดี๋ยวค่อย ๆ พัฒนา ยังดีกว่าคนไม่มาสอบ ตนเปรียบเทียบกับตัวเอง นักรบห้องแอร์ เวลาเขามาเสนองบ เราไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ต้องเก่งเท่าเขา แต่พูดภาษาเดียวกับเขาได้

ภายหลังดับไฟเสร็จสิ้น นายพิธาได้ลงมาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า โดยนายพิธา ได้โค้งคำนับขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคน รวมถึงให้กำลังใจในการทำงานและรับปากว่าจะนำปัญหาที่ได้เจอเข้าสู่สภา

ภาพ: อินสตาแกรม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo