Politics

‘เศรษฐา’ ขออย่าดราม่า! ลั่น ‘นายกรัฐมนตรี’ มีคนเดียวคือผมนี่แหละ!!

“เศรษฐา” ยินดี ‘ทักษิณ’ ได้กลับบ้าน บอกใจถึงใจไม่ต้องโทรยินดี “อุ๊งอิ๊ง” ก็รู้ถึงความปรารถนาดีต่อกัน ขออย่าดราม่า! ลั่น “นายกรัฐมนตรี” มีคนเดียวคือผมนี่แหละ!!

ที่จังหวัดสกลนคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการปล่อยตัวและกลับไปอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อเช้าวันนี้ (18 ก.พ.) ว่าจะมีกำหนดการเข้าไปขอคำปรึกษาในการบริหารประเทศอย่างไรหรือไม่ว่า ยังไม่มีเลย แต่ทราบว่า นายทักษิณ ได้ออกมาเมื่อเช้านี้ ผมคิดว่าในฐานะพ่อ คิดว่ายินดีด้วยเพราะจะได้เจอลูกที่ไม่ได้เจอกันมานาน ไม่ได้อยู่กันอย่างครอบครัวมานาน

เศรษฐา

“นายทักษิณกลับมาเข้ากระบวนการทางกฎหมายเรียบร้อย และที่ได้ออกมาก็เป็นไปตามข้อกฎหมายที่กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ และกระทรวงยุติธรรม เป็นคนเดินเรื่องมาและจบไปแล้ว และก็ได้กลับบ้านแล้วตนเชื่อว่าช่วงเวลานี้ นายทักษิณ คงไม่ได้สนใจ เรื่องการเมืองขนาดนั้น คงอยากจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและรักษาตัวเองต่อไปให้ดี หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากันก็แล้วกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้วหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังเลยครับ ไม่มีเวลาเลย และวันนี้ก็มีงาน 7 หมาย ยังไม่มีครับ แต่เชื่อว่าใจถึงใจอยู่แล้ว ท่านก็รู้ว่าผมส่งความปรารถนาดีและก็ยินดี และก็เป็นเวลาส่วนตัวของท่านกับครอบครัวท่าน เราสนิทกันอยู่แล้วเรื่องพวกนี้ไม่ต้องโทรหรอกครับ แต่ถ้ามีโอกาสก็โทร หากมีประชุมอะไรก็คงเข้าไปแสดงความยินดีด้วย ผมเชื่อว่าเวลาอันมีค่าที่ท่านไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเกือบ 20 ปีคงใช้เวลาอันนี้ให้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด

เศรษฐา

เมื่อถามว่า มีผู้เห็นต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุดหย่อน โดยมองว่าศูนย์บริหารงานจะเปลี่ยนจากทำเนียบรัฐบาลไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้า ตรงนี้ท่านมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมไทยอยู่แล้ว ผมน้อมรับเรื่องความเห็นต่างอยู่แล้ว และเราต้องพูดคุยด้วยภาษาที่เหมาะสม และยึดมั่นในหลักการ วันนี้ผมเชื่อว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ได้อยู่ตรงนี้ เราเคยอยู่คนละพรรคและเคยอยู่พรรคเดียวกันมาก็คงมีเห็นต่างกันบ้าง แต่ปัจจัยโดยรวมก็เห็นตรงกันว่าบ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้ เพราะบ้านเมืองในอดีตเราบอบช้ำกันมาเยอะแล้ว

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า วันนี้เราก็มาร่วมกันทำงานเพื่อประเทศชาติ จะเป็นเรื่องของอดีตนายกรัฐมนตรีบางคนหรือหลาย ๆ ท่าน ซึ่งถ้าท่านทำได้ โดยหลังได้รับการแต่งตั้ง ผมก็เข้าไปเรียนพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ขอคำแนะนำและเวลาเจอกันตามงานต่าง ๆ ก็มีการพบปะพูดคุยกัน ขอคำแนะนำอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าถ้าอดีตนายกฯ ทักษิณพร้อม และอยากได้คำแนะนำ ผมเชื่อว่าไม่มีใครในรัฐบาลนี้ไม่อยากจะรับคำแนะนำจากท่าน แม้แต่นายอนุทิน เองก็เคยทำงานร่วม กันมาก่อน และท่านเองก็รู้ว่ามีความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองและประสบการณ์ที่ท่านได้สะสมมาระหว่างอยู่เมืองนอก และก็เข้ามาสู่กระบวนการกฎหมาย ที่ต้องเน้นย้ำว่าถูกต้อง ตรงนี้ก็อย่ามาดราม่ากันเลยดีกว่าว่ามีนายกกี่คนอะไรอย่างไร รัฐธรรมนูญไทยก็ระบุแล้วว่ามีนายกฯ อยู่คนเดียว และมีคนเดียวก็คือผมนี่แหละครับ

เศรษฐา

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายกฯ เคยบอกว่าได้เจอ กับ พล.อ.ประยุทธ์ คุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้คำปรึกษาอะไรพอจะเปิดเผยได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ได้ครับ ท่านก็บอกว่าสิ่งที่ทำอยู่ก็ดีอยู่แล้ว และก็ต้องมีความอดทนต่อไป อย่างที่ท่านเตือนตอนที่เข้ามา ท่านอาจจะเตือนแรงแต่เต็มไปด้วยความหวังดี ว่ามันไม่เหมือนกันนะ เรื่องธุรกิจกับเรื่องบริหารราชการ ธุรกิจมันก็มีอำนาจเบ็ดเสร็จแต่ว่าราชการต้องพึ่งหลาย ๆ หน่วยงาน นายอนุทินตอนเข้ามาก็เคยเตือนผมว่าพี่ต้องใจเย็น ๆ ไม่ใช่ทุกเรื่องจะทำได้เองหมด เหมือนกับพี่น้องสื่อมวลชนเคยเตือนผมก็ต้องใจเย็น ๆหน่อยนึงช้า ๆ บ้าง อย่าปากไว ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็เป็นคำเตือนที่ผมไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธ ผมเองก็ไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธหรืออะไร เพราะในบางบริบทมันก็เหมาะสม ที่จะต้องได้รับการเตือนและรับฟัง และนำไปพิจารณา

“ผมเองก็ไม่ได้เคลมว่าตัวเองรู้หมดหรือว่าดีหมดทุกอย่าง ถ้าคำแนะนำเหมาะสมและพูดจาแนะนำกันด้วยความปรารถนาดีผมก็น้อมรับจากทุกๆท่านไม่ใช่อดีตนายกฯอย่างเดียว จากพี่น้องประชาชนและจากผู้สื่อข่าว ผมมานี่เพิ่งเข้าสู่การเมืองได้แค่ 5-6 เดือนเอง นายอนุทินเองก็ตามผมไปทุกที่ให้คำแนะนำตลอด เมื่อเช้าทาน อาหารก็ยังให้คำแนะนำให้ผมฟัง 10 เรื่อง แต่ผมฟัง 6-7 เรื่อง ผมไม่ฟัง 4 เรื่องท่านก็เข้าใจ เพราะผมก็มีขีดจำกัดของผมเหมือนกัน คนเราก็ต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง จะอะไรก็ตามที่เป็นคำแนะนำจากท่านใดก็ตามผมยินดี นายกรัฐมนตรีคนนี้น้อมรับครับ” นายเศรษฐา กล่าว

เศรษฐา

เมื่อถามว่า การพักโทษของนายทักษิณ มองว่าอาจทำให้สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไป นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็คอยดูต่อไป การเมืองก็เปลี่ยนไปทุก ๆ วัน มันก็มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยทุกวันอยู่แล้ว แต่ว่าเปลี่ยนไปนี่ผมไม่แน่ใจว่าท่านหมายความว่าดีขึ้นหรือเลวลง แต่ผมมองว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอยู่แล้ว คนเรามาอยู่ตรงนี้แล้ว รัฐบาลเองมี 314 เสียง เราเองไปไหนด้วยกันและทำงานร่วมกัน อย่างที่ตนบอกมีบางข้อไม่เห็นตรงกัน แต่เราก็พูดจากันด้วยดีและพยายามซอฟปัญหากันด้วยความตั้งใจจริง ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือนำประเทศไปข้างหน้า

“ถ้าการพักโทษทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองไปในทิศทางที่ดีขึ้นโดยอยู่บนความชอบธรรมของกฎหมายที่ท่านได้กลับมารับโทษเรียบร้อยแล้ว และได้รับผ่านขั้นตอนทางกฎหมายเรียบร้อยและออกมาพักตัวที่บ้านแล้ว ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนคนไทย 60 ล้านกว่าคน ก็ยินดีถ้าเกิดการเมืองเมืองไทยดีขึ้น” นายเศรษฐา กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK