Politics

‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ อัดยับงบปี 67 สะเปะสะปะ ไร้ยุทธศาสตร์ ‘เศรษฐา’ แถลงเลื่อนลอย ไม่สวยหรูเหมือนที่พูดไว้

“ชัยธวัช” ชำแหละงบปี 67 สะเปะสะปะ ไร้ยุทธศาสตร์ เหมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ อัด “เศรษฐา” แถลงเลื่อนลอย ไม่สวยหรูเหมือนที่พูดไว้ แซะจาก “คิดใหญ่ทำเป็น” กลายเป็น “คิดไปทำไป”

วันนี้ (3 ม.ค.67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ระหว่างวันที่ 3-5 มกราคม 2567

อัด

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายภาพรวมของงบประมาณว่า วันนี้ตนฟังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อ่านคำแถลงประกอบร่างพ.ร.บ.งบฯ ทำให้นึกถึงบรรยากาศวันที่นายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพราะเต็มไปด้วยข้อความสวยหรูทุกด้าน และนายกฯ คนก่อนหน้านี้ก็มาอ่านเช่นนี้ เอาภารกิจของทุกหน่วยงานมาเรียบเรียงแล้วบอกว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร แล้วผลเป็นอย่างไร สวยหรูเหมือนที่แถลงไว้หรือไม่

วันที่ 11 กันยายน 2566 วันที่นายกฯ แถลงนโยบายก็บรรยากาศแบบนี้ เพิ่มเติมคือมีตัวเลขรวมมาให้ในแต่ละยุทธศาสตร์ แต่หากไปดูเนื้อในแล้วกลับเลื่อนลอย จับต้องไม่ได้ สะเปะสะปะ ไม่มียุทธศาสตร์ ไม่มีลำดับความสำคัญ โดยในวันนั้นนายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภา และระบุว่าประเทศไทยเผชิญกับวิกฤต 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจ รัฐธรรมนูญ และความขัดแย้งในสังคม

เพื่อแก้ปัญหา สร้างความพร้อม และวางรากฐานอนาคตให้กับคนไทยทุกคน รัฐบาลมีกรอบนโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน ได้แก่ กรอบระยะสั้น รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นการใช้จ่าย จุดประกายให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง ประกอบกับการเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของประชาชนอย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว

เหล้าเก่าในขวดใหม่

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ส่วนกรอบระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลจะเสริมขีดความสามารถให้กับประชาชนผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชนทุกคน ซึ่งในวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ฝ่ายค้านได้อภิปรายวิพากษ์วิจารณ์ว่า นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่เหมือนกับที่เคยหาเสียงเอาไว้ หรือไม่มีความชัดเจน ไม่มีรูปธรรมที่จับต้องได้ แต่วันนั้นนายกฯ บอกให้รอดูแผนรายกระทรวง จะมีความชัดเจนแน่นอน ซึ่งเมื่อตามไปดูแผนรายกระทรวงก็พบว่ามีปัญหา คือ ไม่มีตัวชี้วัดชัดเจน ไม่สามารถวัดความสำเร็จของนโยบายได้จริง หรือไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายทางนโยบาย

“เมื่อมาดูไส้ในของแผนงานเหล่านั้นพบว่าส่วนใหญ่เป็นโครงการเดิมๆ ที่กระทรวงทำอยู่แล้วทุกปี เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ บ้างก็ยัดโครงการประจำของกระทรวง เข้ามาในแนวนโยบายที่รัฐบาลจะทำ ค่อนข้างปะปนกันระหว่างสิ่งที่รัฐบาลใหม่จะทำ กับสิ่งที่เป็นงานประจำที่หน่วยงานทำอยู่แล้วทุกปี” ชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า ต่อมาวันที่ 13 กันยายน 2566 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติสั่งทบทวนร่างพ.ร.บ.งบปี 67 ใหม่ และเห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ พร้อมทบทวนแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณปี 67 ใหม่ รัฐบาลใช้เวลา 3 เดือนในการปรับปรุง พ.ร.บ.งบประมาณ ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การจัดสรรงบใหม่ เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายใหม่

แต่สุดท้ายหน้าตาของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้กลับไม่ต่างไปจากเดิม ทั้งนี้ ในวันแถลงนโยบาย นายกฯ บอกว่ามีนโยบายเร่งด่วน ซึ่งควรสะท้อนอยู่ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณนี้ แต่กลับต้องผิดหวัง เช่น เรื่องของการแก้ปัญหาหนี้สิน ทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน แม้จะมีในคำแถลง แต่หากดูเนื้อในของร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ จะพบว่าเป็นการจัดสรรงบประมาณที่ไม่ได้ตอบโจทย์อะไรเลย

หัวข้ออาจจะสวยหรู แต่ไส้ในตอบไม่ได้ว่าจะบรรลุเป้าหมายอย่างไร หรือแม้กระทั่งนโยบายที่บอกว่าจะให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งน่าจะต้องทำประชามติถึง 1-2 ครั้งในปีนี้ แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ตั้งงบเอาไว้รอ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ของบไป 2,000 ล้าน แต่ได้มาแค่ประมาณ 1,000 ล้าน

นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต

ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่ตอนแถลงนโยบายบอกว่าจะไม่กู้ จะบริหารจากงบปกติ แต่วันนี้ชัดเจนแล้วว่าไม่มีการตั้งงบใดๆ ไว้ในร่างพ.ร.บ.งบ 67 เราคงต้องว่ารัฐบาลจะสามารถเสนอ พ.ร.บ.เงินกู้ เข้าสู่สภาได้หรือไม่

“หากดูภาพรวมของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ จะพบว่าเป็นงบประมาณแบบเบี้ยหัวแตก สะเปะสะปะ ไม่มียุทธศาสตร์ เหมือนทำงานอย่างไม่มีวาระเป้าหมายชัดเจน บางเรื่องหน้าปกอาจจะดูดี แต่พอเข้าไปดูไส้ในแล้ว พบว่าไม่ได้ยึดโยงกับเป้าหมายทางนโยบาย ส่วนใหญ่เป็นโครงการเดิมๆ แต่เอามาเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนปกใหม่แบบมั่วๆ โครงการเก่าๆ เดิมๆ แต่เอามาโยงให้เข้ากับเป้าหมายใหม่ แถมนับรวมทุกรายจ่ายแล้วมาเคลมว่าเป็นงบสำหรับการลงทุนใหม่ของรัฐบาลใหม่” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ที่ชอบทำกันมากที่สุด คือ งบตัดถนน กลายเป็นโครงการวิเศษที่สามารถตอบโจทย์ได้ทุกยุทธศาสตร์ และเราพบว่ามี 200 โครงการใหม่ จากทั้งหมด 2,000 โครงการ ซึ่งโครงการใหม่ส่วนใหญ่เกิดจากหน่วยงานใหม่ที่ตั้งขึ้นมาก่อนที่จะมีรัฐบาลใหม่ เป็นโครงการที่หน่วยงานราชการเสนอขึ้นมา ไม่ใช่การผลักดันเพื่อขับเคลื่อนวาระใหม่ของรัฐบาล

โครงการใหม่จริงๆ ที่สะท้อนวาระของรัฐบาลจึงมีน้อยมาก รวมถึงมีการคาดการณ์รายได้เกินจริงประมาณแสนล้านบาท เพื่อที่จะเพิ่มแผนรายจ่ายได้สูงขึ้น ขณะเดียวกันกลับตั้งงบรายจ่ายที่ต้องใช้แน่ๆ หรือคาดการณ์ได้ว่าต้องจ่ายไว้ไม่พอ เช่น บำเหน็จบำนาญ เงินเดือนราชการ งบสวัสดิการ นโยบายเพิ่มเงินเดือนราชการ 10% ค่าชดเชยภาษีรถ EV ค่าไฟชดเชยหนี้ กฟผ. จากนโยบายลดค่าไฟ

งบซอฟต์พาวเวอร์

งบซอฟต์พาวเวอร์ที่โฆษณาไว้ว่าจะลงงบกว่า 5,000 ล้าน สุดท้ายก็ต้องปัดไปเป็นรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลังในปีถัดไป และปัดเป็นงบกลาง ด้วยสภาพเช่นนี้เราจึงมองไม่เห็นวาระเป้าหมายของรัฐบาลผ่านการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ แน่นอนว่าการจะบรรลุนโยบายเป้าหมายนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณเยอะเสมอไป เป็นนโยบายที่ไม่ใช่งบประมาณ หรือ non-budget policy ได้ เช่น รัฐบาลแถลงนโยบายเร่งด่วนว่า จะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม

แต่วันนี้ไม่แน่ใจแล้วว่า รัฐบาลกำลังจะทำให้สถานการณ์เรื่องระบบนิติธรรมนิติรัฐเลวร้ายลงไปอีกหรือไม่ เพราะสังคมกำลังถูกตอกย้ำให้อยู่กับกระบวนการยุติธรรมแบบ 2 มาตรฐาน ถูกตอกย้ำว่าพวกเราต้องยอมรับอยู่ในกฎหมายหรือเรือนจำที่มีไว้ใช้สำหรับประชาชนสามัญที่ไม่ได้มีอำนาจ บารมี หรือเงินทองเท่านั้น

ปัญหาของพ.ร.บ.งบประมาณ ยังสะท้อนปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น คือ การที่เรามองไม่เห็นวาระเป้าหมายของรัฐบาลผ่านการจัดทำพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ สะท้อนให้เห็นว่า เอาเข้าจริงแล้วรัฐบาลชุดนี้เป็นเพียงรัฐบาลรวมการเฉพาะกิจที่ไม่ได้มีวาระเป้าหมายทางนโยบายที่จะขับเคลื่อนร่วมกัน เป็นการรวมการเฉพาะกิจเพื่อแบ่งปันอำนาจกัน แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ชั่วคราว

เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงเห็นการจัดตั้ง ครม. แบบผิดฝาผิดตัวเต็มไปหมด เพราะไม่ได้แบ่งงานกันตามวาระเป้าหมาย แต่แบ่งกันตามโควตาทางการเมือง วางเจ้ากระทรวงไม่ถูกกับงาน พรรคแกนนำรัฐบาลที่ควรจะมีเป้าหมายในการผลักดันเรือธงให้ได้ก็ไม่ได้วางคนไปบริหารกระทรวง กรม หรือหน่วยงานอย่างบูรณาการ

S 22863963

จาก “คิดใหญ่ทำเป็น” กลายเป็น “คิดไปทำไป”

ดังนั้น จึงเห็นการแถลงนโยบายของรัฐบาล การกำหนดแผนงานรายกระทรวง ตลอดจนการจัดสรรงบประมาณอย่างที่ได้กล่าวมา วันนี้จากที่เคยบอกว่าคิดใหญ่ทำเป็น บางวันก็กลายเป็นคิดไปทำไป คิดสั้นไม่คิดยาวบ้าง หรือไม่ก็คิดอย่างทำอย่างก็มี

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า หากการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้จะมีวาระร่วมกันจริงๆ ก็คงเป็นวาระเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตทางอำนาจของชนชั้นนำ เพราะสภาวะการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลชุดนี้ ได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่า นี่เป็นการรวมตัวกันเพื่อรักษาสภาวะเดิมของสังคมไทยเอาไว้ เป็นการรวมตัวกันเพื่อพยายามฝืนความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย เป็นการรวมตัวกันเพื่อปกป้องพลังทางสังคมแบบจารีต และต่อต้านพลังทางสังคมใหม่ๆ ที่ต้องการอนาคตที่ดีกว่านี้

ก่อนการรัฐประหาร 2549 สังคมไทยมีโอกาสได้เห็นความพยายามของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และเป็นความหวังแห่งความเปลี่ยนแปลง โดยผู้นำทางการเมืองในขณะนั้นเล็งเห็นว่า หากประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้ากว่านี้ได้ จำเป็นต้องปฏิรูประบบงบประมาณ ระบบรัฐราชการ และกระบวนการกำหนดนโยบายที่ล้าสมัยและไม่มีประสิทธิภาพ

เราจึงเห็นว่ามีความพยายามที่จะเปลี่ยนระบบงบประมาณ ที่เดิมงบประมาณส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของระบบราชการในกระทรวงต่างๆ มาเป็นระบบงบประมาณที่มุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาลอย่างแท้จริง

ทว่าหลังการรัฐประหารในปี 2549 เป็นต้นมา รัฐราชการและชนชั้นนำจารีตได้กลับมาควบคุมสังคมไทยอีกครั้ง เราจึงไม่เห็นเจตจำนงและความพยายามของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ในการปฏิรูปรัฐไทยอย่างจริงจังอีกครั้ง เพราะพลังทางการเมืองที่เคยเป็นพลังใหม่ เคยเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันกลับเข้าไปร่วมสมาคมเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจเก่าแล้ว

ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่เรากำลังพิจารณาอยู่ก็สะท้อนสภาวะการเมืองที่เป็นจริงอันนี้ ในฐานะฝ่ายค้านอยากสื่อสารไปยังรัฐบาลว่าเราไม่สามารถอยู่กันแบบเดิมๆ ได้อีกแล้ว รัฐบาลทราบดีว่าหลังรัฐประหาร 2 ครั้ง ระบบรัฐราชการรวมศูนย์ของไทยกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง เรารู้อยู่แล้วว่าเราจะเดินไปสู่อนาคตที่ดีกว่านี้ โดยพยายามไม่ปฏิรูปรัฐไทยอย่างจริงจังและงบประมาณไม่ได้อีกแล้ว เพราะไม่ตอบโจทย์ของสังคมและความคาดหวังของคนไทย

เราไม่อยากเห็นพ...งบประมาณที่ไม่เปลี่ยนแปลงอีกแล้ว แม้จะเป็นฝ่ายค้านแต่ก็พร้อมสนับสนุนรัฐบาลในการปฏิรูประบบราชการ ระบบงบประมาณครั้งใหญ่ เพราะมีความสำคัญต่อการสร้างอนาคตร่วมกัน ขอให้ฝ่ายบริหารเปิดใจรับฟังข้อเสนอแนะข้อวิพากษ์วิจารณ์ของพวกเรา ด้วยหวังว่าการพิจารณางบประมาณของสภาฯ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้เราจะผิดหวังกับร่างพ...งบฯ ฉบับนี้อย่างถึงที่สุดก็ตามนายชัยธวัช กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo