“ไพศาล” ยก 4 เรื่องที่รัฐบาลเศรษฐา ต้องรีบดำเนินการ ทั้งการเร่งขับเคลื่อนกฎหมายงบประมาณ อุดรูรั่วรายได้แผ่นดิน ปิดยุคพวกพ้อง ตั้งผู้แทนการค้าฟื้นเศรษฐกิจ
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Paisal Puechmongkol ในนามปากกา สิริอัญญา รวมเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาลยุคเศรษฐา โดยระบุว่า
รัฐบาลเศรษฐาตั้งขึ้นในสถานการณ์พิเศษ ที่มีความแตกแยกแตกสามัคคีอย่างรุนแรงภายในประเทศ ไม่ต่างกับเมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่สอง
ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองจมปลักอยู่ในวิกฤตทางเศรษฐกิจมาอย่างยาวนาน
ในสถานการณ์ที่ระบบบริหารราชการแผ่นดินและบทกฎหมายทั้งหลาย ผุพังจนไม่เป็นที่พึ่งให้แก่ราษฎร
ในขณะที่สถานการณ์ภายนอกประเทศก็รุมเร้า เสี่ยงต่อการสิ้นชาติได้ทุกเมื่อ
บรรดาปราชญ์ทางยุทธศาสตร์ของประเทศหลายท่าน โดยเฉพาะ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ยอดขุนพลผู้ภักดีต่อแผ่นดิน และมีประสบการณ์บทเรียนในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติในยามวิกฤตมานับไม่ถ้วน ถึงกับนำเสนอว่า ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้อง ก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าประเทศไทย สามัคคีภายใน รับศึกใหญ่ภายนอก
ดังนั้น ในท่ามกลางความสับสนอลหม่านทางการเมือง ในท่ามกลางความสับสนเวียนวนด้วยไสยศาสตร์ทางกฎหมาย ความขัดแย้งได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะเลือกตั้งแล้วแต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ จนกระทั่งเวลาผ่านไปร่วม 3 เดือนจึงจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
เป็นการจัดตั้งขึ้นด้วยความเสียสละของคนจำนวนมากที่ยอมเสียผู้เสียคน เสียสัจจะวาจา เสียหน้าเสียตา หมดความน่าเชื่อถือ แต่จำเป็นต้องทำไป ก็พอเข้าใจได้ว่ามีเป้าหมายตรงกันประการเดียวเท่านั้นคือ ยอมเสียคนแต่ไม่ยอมเสียชาติบ้านเมือง และต้องการทำให้ชาติบ้านเมืองเดินหน้าไปได้
จึงกล่าวได้ว่า รัฐบาลชุดนี้ ตั้งขึ้นในสถานการณ์พิเศษ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าประเทศไทย เพื่อความสามัคคีภายใน เพื่อรับศึกใหญ่ภายนอก เพื่อดำรงคงไว้ซึ่งความมั่นคงแห่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน
ถ้าเริ่มต้นด้วยความเข้าใจอย่างนี้ ประเทศไทยย่อมดีกว่านี้แน่ แต่น่าเสียดายที่ความขัดแย้งในประเทศไทยดำเนินมายาวนานถึง 18 ปีเต็ม ตลอดเวลา 18 ปีที่ผ่านมาคนจำนวนหนึ่งเคยชินจนฝังเข้ากระดูกถึงความเกลียดชังคนอื่นชนิดไม่มีวันกลับหลังหัน
คนบางพวกก็ดำรงคงอยู่ด้วยผลประโยชน์ในการสร้างความแตกแยกแตกสามัคคีภายในชาติจนทำมาหากินอย่างอื่นไม่เป็น นอกจากการทำลายผู้ที่มีความเห็นต่างว่าเป็นพวกชังชาติ ชังเจ้า
คนเหล่านี้หลายคนจึงยังทำใจไม่ได้ โทษฟ้าโทษดินพร่ำเพ้อรำพึงรำพันเป็นที่น่าเวทนา
ความจริงถ้าตั้งสติยั้งคิดได้ว่า เป็นผู้ที่กล่าวอ้างว่ามีความจงรักภักดีถึงที่สุด แต่ไฉนเล่าเมื่อนายทักษิณ ชินวัตร ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอภัยโทษโดยลดโทษจำคุกเหลือ 1 ปี กลับไม่ยอมรับ ตีโพยตีพาย กระทั่งทำการบางอย่างที่น่าสมเพชเวทนา ซึ่งหนักหนาสาหัสเสียยิ่งกว่าพวกสามกีบที่เคยตำหนิติเตียนมานักหนา เพราะคนเหล่านั้นกลับมิได้แสดงท่าทีใด ๆ ในทางตำหนิติเตียน และดูเหมือนว่าได้เห็นสถานการณ์ใหญ่ที่จะต้องเป็นไปเช่นนั้นด้วยซ้ำไป
แต่ไม่ว่าจะเป็นประการใด รัฐบาลก็ได้จัดตั้งขึ้นแล้วในสถานการณ์พิเศษดังได้พรรณนามานี้ และเป็นการจัดตั้งขึ้นในสถานการณ์วิกฤตอย่างยิ่งที่จะต้องฟันฝ่าให้ประเทศไทยรอดปลอดภัย ให้ประชาชนชาวไทยลุกขึ้นเงยหน้าอ้าปากได้ สร้างความมั่นคงขึ้นในประเทศ สร้างความมั่งคั่งแก่ประชาชนอย่างถ้วนหน้า
ทว่าในสถานการณ์อันวิกฤตถึงที่สุดนี้ ก็ย่อมมีโอกาสอันสุดพิเศษดำรงอยู่ด้วยพร้อมกัน ดังนั้นถ้ารัฐบาลเศรษฐาสามารถช่วงชิงโอกาส ใช้โอกาสทั้งหลายอันสุดวิเศษนี้ให้เอื้อเฟื้อประโยชน์แก่การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ก็จะสามารถสร้างความสำเร็จใหญ่หลวงขึ้นได้
วิกฤตและโอกาสที่ดำรงอยู่พร้อมกันนี้ จะสามารถคลี่คลายได้อย่างรวดเร็วด้วยการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ซึ่งขณะนี้ก็ได้แย้มให้เห็นบรรยากาศเช่นนั้นอย่างชัดเจนขึ้นแล้ว
แต่ทว่ามีเรื่องเร่งด่วนที่สุดที่ตกค้างมา และไม่อาจก้าวล่วงได้ รัฐบาลเศรษฐาจะต้องเร่งรีบดำเนินการเรื่องเหล่านี้คือ
เรื่องแรก จะต้องเร่งขับเคลื่อนกฎหมายงบประมาณให้เร็วที่สุด เพราะล่าช้ามา 7 เดือนแล้ว แต่ถ้าใส่ใจปรับปรุงวิธีการและการเร่งรัด กฎหมายงบประมาณ 2567 ก็อาจใช้บังคับได้ทันปีใหม่
ดังนั้นรัฐบาลจะต้องหาวิธีและมาตรการที่จะลดขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้กฎหมายงบประมาณประกาศใช้ได้โดยเร็วที่สุด ก็จะเป็นเครื่องมือการบริหารในด้านงบประมาณของรัฐบาล
เรื่องที่สอง เรือรั่วต้องรีบอุด รายได้แผ่นดินรั่วต้องรีบแก้ไขโดยพลัน รัฐบาลอาจจะไม่รู้ว่าปัจจุบันนี้หน่วยงานตรวจสอบรายได้ภาครัฐ ซึ่งเป็นแขนซ้ายขวาของสำนักงบประมาณในการตรวจสอบการจัดเก็บรายได้ของรัฐทั้งหมด ที่จะนำมาใช้จ่ายตามกฎหมายงบประมาณได้ถูกยกเลิกไปเสียแล้ว ข้าราชการที่เคยทำหน้าที่นี้มาเป็นอันไม่ต้องทำหน้าที่อีกแล้ว
ประเทศที่ไม่มีการตรวจสอบรายได้ภาครัฐ จึงเข้าลักษณะที่ว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอา ใครโกงได้ก็โกงเอา โกงแล้วสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินก็ตรวจสอบไม่ได้ สั่งให้ตรวจสอบเรียกเก็บภาษีที่รั่วไหลก็ไม่ได้
รัฐบาลจะต้องฟื้นหน่วยงานนี้โดยพลัน
เรื่องที่สาม จะต้องรีบปรับปรุงองคาพยพและกรรมการในรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ปิดยุคพวกพ้อง ระดมคนดีมีฝีมือเข้าไปทำหน้าที่บริหารจัดการหน่วยงานเหล่านี้ เพื่อฟื้นฟูชาติบ้านเมืองให้เร็วที่สุด
เรื่องที่สี่ จะต้องเร่งรีบตั้งผู้แทนการค้าให้รับผิดชอบไปเจรจาค้าขาย การลงทุน การท่องเที่ยวกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งความจริงหน่วยงานนี้คุณทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละเป็นผู้ตั้งขึ้นมาเมื่อ 20 ปีก่อน
ถ้าสามารถบรรลุเป้าหมายภารกิจได้ การส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนก็จะบูมสนั่นหวั่นไหว ประเทศไทยก็จะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไพศาล’ ส่องแนวทาง ‘สุทิน’ คุมกลาโหม ‘2 ไม่-5 ทำ’ มั่นใจไปโลดแน่
- ‘สุทิน’ ไม่ชัดนั่งกระทรวงไหน แต่มั่นใจทำงานกับทหารได้
- ‘ไพศาล’ เชื่อ ‘สุทิน คลังแสง’ เหมาะคุมกลาโหม เหตุไม่ใช่ทหาร ไม่ถือรุ่นถือพวก
