Politics

ทิพานัน สวน ‘พิธา’ กางโมเดล แก้หนี้ข้าราชการ หักเงินต้องเหลือ 30% ‘ลุงตู่’ ทำอยู่ก่อนแล้ว หากจะทำต่อก็ยินดี

ทิพานัน สวน “พิธา” กางโมเดล แก้หนี้ข้าราชการ หักเงินต้องเหลือ 30% “ลุงตู่” ทำอยู่ก่อนแล้ว หากจะทำต่อก็ยินดี

วันที่ 4 กรกฎาคม 2566 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เสนอความคิดว่าคณะทำงานช่วงเปลี่ยนผ่านจะแก้ปัญหา แก้หนี้ข้าราชการ โดยจะเสนอให้การหักเงินเดือนต้องเหลือไว้ 30% ของเงินเดือน เพื่อให้ข้าราชการมีเงินเหลือไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้นั้น

เป็นนโยบายที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดำเนินการมาโดยตลอด และได้เร่งคุ้มครองข้าราชการครู

แก้หนี้ข้าราชการ

กางโมเดลแก้หนี้ข้าราชการของรัฐบาล

โดยกำชับให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการหักเงินเดือนเงินบำเหน็จบำนาญ เพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้แก่สวัสดิการภายในส่วนราชการและสหกรณ์ พ.ศ.2551 ข้อ 7 (5) ที่บัญญัติให้ “การจะให้ส่วนราชการหักเงิน ณ จ่ายเพื่อชำระหนี้เงินกู้นั้น จะต้องมีเงินเดือนสุทธิหลังจากหักชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่า อัตราร้อยละ 30 ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2555”

นอกจากนี้ยังได้คุ้มครองความเป็นอยู่ของลูกหนี้โดยได้แก้ไขกฎหมายในปี 2560 กำหนดใน พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ฉบับที่ 30 พ.ศ.2560 มาตรา 302 ให้เงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญ ค่าชดใช้ เงินสงเคราะห์ หรือรายได้อื่น รวมกันไม่เกินเดือนละ 20,000 บาท ของลูกหนี้จะถูกอายัดเพื่อบังคับคดีไม่ได้ ซึ่งจากเดิมกำหนดไว้ที่ 10,000 บาท

แก้หนี้ข้าราชการ

ประสานหน่วยงาน แก้หนี้ครูหนี้ตำรวจ

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้ข้าราชการครูนั้น เมื่อเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) การดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ร่วมกับ 12 หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องเพื่อต่อยอดมาจาก “โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย” และ “มหกรรมการเงินเพื่อครูไทย” ที่มีการช่วยเหลือและปรับโครงสร้างหนี้ให้ครูที่เข้าร่วมโครงการไปแล้ว มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท รวมไปถึงการเจรจาลดดอกเบี้ยกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศ

ซึ่งการดำเนินงานในปีแรกถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ มีครูจำนวนกว่า 1.5 หมื่นรายที่ได้รับการช่วยเหลือและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้วิกฤตที่ได้รับมาตรการทางการเงินและการปรับโครงสร้างหนี้เข้าไปช่วยเหลือได้จริง

และล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมาจากการดำเนินการตาม MoU กับกระทรวงศึกษาธิการ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกว่า 70 แห่ง จากทั้งหมด 108 แห่ง เข้าร่วมปรับอัตราดอกเบี้ยโดยการลดดอกเบี้ยเงินกู้ และพบว่ามีสหกรณ์ 11 แห่ง สามารถปรับลดดอกเบี้ยให้ลงเหลือต่ำกว่า 5% โดยมีครูที่ได้รับประโยชน์ทันทีกว่า 460,000 คน

น.ส.ทิพานัน กล่าวเพิ่มเติมว่า เฉพาะข้อมูลถึงวันที่ 19 กันยายน 2565 พบว่า ข้าราชการครูและข้าราชการตำรวจแก้ไขหนี้สินสำเร็จแล้ว 64% โดยแก้ไขหนี้ข้าราชการตำรวจสำเร็จ 6,145 ราย เพิ่มขึ้น 2,754 ราย สำหรับข้าราชการครู ธนาคารออมสินได้ลดดอกเบี้ยเงินกู้ของข้าราชการครูในทุกโครงการเหลือไม่เกิน 4.9% และมีโครงการสร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย ซึ่งมีผู้เข้าร่วม 41,126 ราย ไกล่เกลี่ยและปรับโครงสร้างหนี้แล้ว 3,623 ราย คิดเป็น 8.9% ของผู้เข้าร่วม พร้อมมีการอบรมให้ความรู้ทางการเงินผ่าน KHURU Online

แก้หนี้ข้าราชการ

หากทำต่อก็ยินดี เพราะเป็นประโยชน์กับประชาชน

รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขหนี้ให้ประชาชนมาโดยตลอด โดยได้ขับเคลื่อนบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ เร่งแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของพี่น้องประชาชนอย่างจริงจัง

จากข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2565 จากรายงานข้อมูลภาพรวมการช่วยเหลือลูกหนี้  ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความช่วยเหลือผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ มีจำนวนบัญชีที่ได้รับความช่วยเหลือแล้ว 3.95 ล้านบัญชี ยอดภาระหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือ 2.98 ล้านล้านบาท และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 มีผู้ได้รับความช่วยเหลือผ่านคลินิกแก้หนี้ จำนวน 110,179 บัญชี เฉลี่ยผลสำเร็จ 81%

“ซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาล พลเอก ประยุทธ์จันทร์โอชา ได้ดำเนินการทำแล้วและกำลังทำอยู่ ส่วนใครจะมาทำต่อก็ยินดีเพราะเป็นประโยชน์ของพี่น้องประชาชนทุกคน” น.ส.ทิพานัน กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo